ตัวบทนี้จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการแปลภาษา/การศึกษา และไม่ถือว่ามีผลทางกฎหมาย ทั้งนี้ ให้ยึดถือบทบัญญัติต้นฉบับภาษาไทยเท่านั้น ซึ่งได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการและมีผลทางกฎหมาย ตามไฟล์ PDF ที่แนบ
DISCLAIMER: This text has been provided for translation/educational purposes and contains no legal authority. The original text in Thai language shall be accounted as formally adopted and published in attached PDF file; hence, the sole authority with legal force.
ระเบียบ
เริ่มใช้บังคับ : 11 เม.ย. 2526

ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526

Rule of the Office of the Prime Minister on the Official Correspondence B.E. 2526 (1983)


โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. ๒๕๐๖ เสียใหม่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น คณะรัฐมนตรีจึงวางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณพ.ศ. ๒๕๒๖”
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๒๖ เป็นต้นไป
ข้อ ๓ ให้ยกเลิก
๓.๑ ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. ๒๕๐๖
๓.๒ ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลงชื่อในหนังสือราชการ พ.ศ. ๒๕๐๗
๓.๓ ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลงชื่อในหนังสือราชการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๑๖
บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ มติของคณะรัฐมนตรีและคําสั่งอื่นใด ในส่วนที่ กําหนดไว้แล้ว
ในระเบียบนี้หรือซึ่งขัด หรือแย้งกับระเบียบนี้ให้ใช้ระเบียบนี้แทน เว้นแต่กรณี ที่กล่าวในข้อ ๕
ข้อ ๔ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับแก่ส่วนราชการ ส่วนราชการใดมีความจําเป็นที่จะต้องปฏิบัติงานสารบรรณนอกเหนือไปจากที่ ได้กําหนดไว้ ในระเบียบนี้ให้ขอทําความตกลงกับผู้รักษาการตามระเบียบนี้
ข้อ ๕ ในกรณีที่กฎหมาย ระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติหรือ ระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ กําหนดวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับงานสารบรรณไว้ เป็นอย่างอื่น ให้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย หรือระเบียบว่าด้วยการนั้น
ข้อ ๖ ในระเบียบนี้
“งานสารบรรณ” หมายความว่า งานที่เกี่ยวกับการบริหารงานเอกสาร เริ่มตั้งแต่ การจัดทํา การรับ การส่ง การเก็บรักษา การยืม จนถึงการทําลาย
“หนังสือ” หมายความว่า หนังสือราชการ
“อิเล็กทรอนิกส์” ๓ หมายความว่า การประยุกต์ใช้วิธีการทางอิเล็กตรอน ไฟฟ้า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือวิธีอื่นใดในลักษณะคล้ายกัน และให้หมายความรวมถึงการประยุกต์ใช้วิธี การทางแสง วิธีการทางแม่เหล็ก หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้วิธีต่าง ๆ เช่นว่านั้น
“ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์” ๔ หมายความว่า การรับส่งข้อมูลข่าวสารหรือ หนังสือผ่านระบบสื่อสารด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
“ส่วนราชการ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม สํานักงาน หรือหน่วยงานอื่น ใดของรัฐ ทั้งในราชการบริหารส่วนกลาง ราชการบริหารส่วนภูมิภาค ราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หรือในต่างประเทศ และให้หมายความรวมถึงคณะกรรมการด้วย
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากทางราชการให้ ปฏิบัติงานในเรื่องใด ๆ และให้หมายความรวมถึงคณะอนุกรรมการ คณะทํางาน หรือคณะบุคคลอื่นที่ ปฏิบัติงานในลักษณะเดียวกัน
ข้อ ๗ คําอธิบายซึ่งกําหนดไว้ท้ายระเบียบ ให้ถือว่าเป็นส่วนประกอบทใชี่ ในงานสารบรรณ และให้ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ
ข้อ ๘ ให้ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีรักษาการตามระเบียบนี้และให้มีอํานาจตีความ และวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้รวมทั้งการแก้ไขเพิ่มเติมภาคผนวกและจัดทํา คําอธิบาย กับให้มีหน้าที่ดําเนินการฝึกอบรมเกี่ยวกับงานสารบรรณ การตีความ การวินิจฉัยปัญหา และการแก้ไขเพิ่มเติมภาคผนวก และคําอธิบาย ตามวรรคหนึ่ง ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีจะขอความเห็นจากคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงและ พัฒนาระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาก็ได้

หมวด ๑ ชนิดของหนังสือ
ข้อ ๙ หนังสือราชการ คือ เอกสารที่เป็นหลักฐานในราชการ ได้แก่
๙.๑ หนังสือที่มีไปมาระหว่างส่วนราชการ
๙.๒ หนังสือที่ส่วนราชการมีไปถึงหน่วยงานอื่นใดซึ่งมิใช่ส่วนราชการหรือ ที่มีไปถึงบุคคลภายนอก
๙.๓ หนังสือที่หน่วยงานอื่นใดซึ่งมิใช่ส่วนราชการ หรือบุคคลภายนอกมีมาถึง ส่วนราชการ
๙.๔ เอกสารที่ทางราชการจัดทําขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานในราชการ
๙.๕ เอกสารที่ทางราชการจัดทําขึ้นตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับ
๙.๖ ข้อมูลข่าวสารหรือหนังสือที่ได้รับจากระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์
ข้อ ๑๐ หนังสือ มี๖ ชนิด คือ
๑๐.๑ หนังสือภายนอก
๑๐.๒ หนังสือภายใน
๑๐.๓ หนังสือประทับตรา
๑๐.๔ หนังสือสั่งการ
๑๐.๕ หนังสือประชาสัมพันธ์
๑๐.๖ หนังสือที่เจ้าหน้าที่ทําขึ้น หรือรับไว้เป็นหลักฐานในราชการ
ส่วนที่ ๑ หนังสือภายนอก
ข้อ ๑๑ หนังสือภายนอก คือ หนังสือติดต่อราชการที่เป็นแบบพิธีโดยใช้กระดาษ ตราครุฑเป็นหนังสือติดต่อระหว่างส่วนราชการ หรือส่วนราชการมีถึงหน่วยงานอื่นใดซึ่งมิใช่ ส่วนราชการ หรือที่มีถึงบุคคลภายนอก ให้จัดทําตามแบบที่ ๑ ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้
๑๑.๑ ที่ให้ลงรหัสตัวพยัญชนะและเลขประจําของเจ้าของเรื่อง ตามที่ กําหนดไว้ในภาคผนวก ๑ ทับเลขทะเบียนหนังสือส่ง สําหรับหนังสือของคณะกรรมการให้กําหนดรหัส ตัวพยัญชนะเพิ่มขึ้นได้ตามความจําเป็น
๑๑.๒ ส่วนราชการเจ้าของหนังสือ ให้ลงชื่อส่วนราชการ สถานที่ราชการ หรือคณะกรรมการซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือนั้น และโดยปกติให้ลงที่ตั้งไว้ด้วย
๑๑.๓ วัน เดือน ปีให้ลงตัวเลขของวันที่ ชื่อเต็มของเดือน และตัวเลขของ ปีพุทธศักราชที่ออกหนังสือ
๑๑.๔ เรื่อง ให้ลงเรื่องย่อที่เป็นใจความสั้นที่สุดของหนังสือฉบับนั้น ในกรณีที่เป็นหนังสือต่อเนื่อง โดยปกติให้ลงเรื่องของหนังสือฉบับเดิม
๑๑.๕ คําขึ้นต้น ให้ใช้คําขึ้นต้นตามฐานะของผู้รับหนังสือตามตารางการ ใช้คําขึ้นต้น สรรพนาม และคําลงท้าย ที่กําหนดไว้ในภาคผนวก ๒ แล้วลงตําแหน่งของผู้ที่หนังสือนั้น มีถึง หรือชื่อบุคคลในกรณีที่มีถึงตัวบุคคลไม่เกี่ยวกับตําแหน่งหน้าที่
๑๑.๖ อ้างถึง (ถ้ามี) ให้อ้างถึงหนังสือที่เคยมีติดต่อกันเฉพาะหนังสือที่ ส่วนราชการผู้รับหนังสือได้รับมาก่อนแล้ว จะจากส่วนราชการใดก็ตาม โดยให้ลงชื่อส่วนราชการ เจ้าของหนังสือการอ้างถึง ให้อ้างถึงหนังสือฉบับสุดท้ายที่ติดต่อกันเพียงฉบับเดียว เว้นแต่มีเรื่องอื่นที่ เป็นสาระสําคัญต้องนํามาพิจารณาจึงอ้างถึงหนังสือฉบับอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องนั้นโดยเฉพาะให้ทราบด้วย
๑๑.๗ สิ่งที่ส่งมาด้วย (ถ้ามี) ให้ลงชื่อสิ่งของ เอกสาร หรือบรรณสาร ที่ส่งไปพร้อมกับหนังสือนั้น ในกรณีที่ไม่สามารถส่งไปในซองเดียวกันได้ให้แจ้งด้วยว่าส่งไปโดยทางใด
๑๑.๘ ข้อความ ให้ลงสาระสําคัญของเรื่องให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย หากมี ความประสงค์หลายประการให้แยกเป็นข้อ ๆ
๑๑.๙ คําลงท้าย ให้ใช้คําลงท้ายตามฐานะของผู้รับหนังสือตามตาราง การใช้คําขึ้นต้น สรรพนาม และคําลงท้าย ที่กําหนดไว้ในภาคผนวก ๒
๑๑.๑๐ ลงชื่อ ให้ลงลายมือชื่อเจ้าของหนังสือ และให้พิมพ์ชื่อเต็มของ เจ้าของลายมือชื่อไว้ใต้ลายมือชื่อ ตามรายละเอียดที่กําหนดไว้ในภาคผนวก ๓
๑๑.๑๑ ตําแหน่ง ให้ลงตําแหน่งของเจ้าของหนังสือ
๑๑.๑๒ ส่วนราชการเจ้าของเรื่อง ให้ลงชื่อส่วนราชการเจ้าของเรื่อง หรือ หน่วยงานที่ออกหนังสือ ถ้าส่วนราชการที่ออกหนังสืออยู่ในระดับกระทรวง หรือทบวง ให้ลงชื่อส่วน ราชการเจ้าของเรื่องทั้งระดับกรมและกอง ถ้าส่วนราชการที่ออกหนังสืออยู่ในระดับกรมลงมา ให้ลง ชื่อส่วนราชการเจ้าของเรื่องเพียงระดับกองหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ
๑๑.๑๓ โทร ให้ลงหมายเลขโทรศัพท์ของส่วนราชการเจ้าของเรื่อง หรือ หน่วยงานที่ออกหนังสือและหมายเลขภายในตู้สาขา (ถ้ามี) ไว้ด้วย
๑๑.๑๔ สําเนาส่ง (ถ้ามี) ในกรณีที่ผู้ส่งจัดทําสําเนาส่งไปให้ส่วนราชการ หรือบุคคลอื่นทราบ และประสงค์จะให้ผู้รับทราบว่าได้มีสําเนาส่งไปให้ผู้ใดแล้ว ให้พิมพ์ชื่อเต็ม หรือ ชื่อย่อของส่วนราชการหรือชื่อบุคคลที่ส่งสําเนาไปให้เพื่อให้เป็นที่เข้าใจระหว่างผู้ส่งและผู้รับ ถ้าหาก มีรายชื่อที่ส่งมากให้พิมพ์ว่าส่งไปตามรายชื่อที่แนบ และแนบรายชื่อไปด้วย
ส่วนที่ ๒ หนังสือภายใน
ข้อ ๑๒ หนังสือภายใน คือ หนังสือติดต่อราชการที่เป็นแบบพิธีน้อยกว่าหนังสือ ภายนอก เป็นหนังสือติดต่อภายในกระทรวง ทบวง กรม หรือจังหวัดเดียวกัน ใช้กระดาษบันทึก ข้อความ และให้จัดทําตามแบบที่ ๒ ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้
๑๒.๑ ส่วนราชการ ให้ลงชื่อส่วนราชการเจ้าของเรื่อง หรือหน่วยงานที่ ออกหนังสือโดยมีรายละเอียดพอสมควร โดยปกติถ้าส่วนราชการที่ออกหนังสืออยู่ในระดับกรมขึ้นไป ให้ลงชื่อส่วนราชการเจ้าของเรื่องทั้งระดับกรมและกอง ถ้าส่วนราชการที่ออกหนังสืออยู่ในระดับต่ํากว่า กรมลงมาให้ลงชื่อส่วนราชการเจ้าของเรื่องเพียงระดับกอง หรือส่วนราชการเจ้าของเรื่องพร้อมทั้ง หมายเลขโทรศัพท์ (ถ้ามี)
๑๒.๒ ที่ ให้ลงรหัสตัวพยัญชนะและเลขประจําของเจ้าของเรื่อง ตามที่ กําหนดไว้ในภาคผนวก ๑ ทับเลขทะเบียนหนังสือส่ง สําหรับหนังสือของคณะกรรมการให้กําหนดรหัส ตัวพยัญชนะเพิ่มขึ้นได้ตามความจําเป็น
๑๒.๓ วันที่ ให้ลงตัวเลขของวันที่ ชื่อเต็มของเดือน และตัวเลขของปี พุทธศักราชที่ออกหนังสือ
๑๒.๔ เรื่อง ให้ลงเรื่องย่อที่เป็นใจความสั้นที่สุดของหนังสือฉบับนั้น ในกรณีที่เป็นหนังสือต่อเนื่อง โดยปกติให้ลงเรื่องของหนังสือฉบับเดิม
๑๒.๕ คําขึ้นต้น ให้ใช้คําขึ้นต้นตามฐานะของผู้รับหนังสือตามตารางการ ใช้คําขึ้นต้น สรรพนาม และคําลงท้าย ที่กําหนดไว้ในภาคผนวก ๒ แล้วลงตําแหน่งของผู้ที่หนังสือนั้น มีถึง หรือชื่อบุคคลในกรณีที่มีถึงตัวบุคคลไม่เกี่ยวกับตําแหน่งหน้าที่
๑๒.๖ ข้อความ ให้ลงสาระสําคัญของเรื่องให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย หากมี ความประสงค์หลายประการให้แยกเป็นข้อ ๆ ในกรณีที่มีการอ้างถึงหนังสือที่เคยมีติดต่อกันหรือมีสิ่งที่ ส่งมาด้วย ให้ระบุไว้ในข้อนี้
๑๒.๗ ลงชื่อและตําแหน่ง ให้ปฏิบัติตามข้อ ๑๑.๑๐ และข้อ ๑๑.๑๑ โดยอนุโลม
ในกรณีที่กระทรวง ทบวง กรม หรือจังหวัดใดประสงค์จะกําหนดแบบการเขียน โดยเฉพาะเพื่อใช้ตามความเหมาะสมก็ให้กระทําได้
ส่วนที่ ๓ หนังสือประทับตรา
ข้อ ๑๓ หนังสือประทับตรา คือ หนังสือที่ใช้ประทับตราแทนการลงชื่อของหัวหน้า ส่วนราชการระดับกรมขึ้นไป โดยให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกอง หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจาก หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมขึ้นไป เป็นผู้รับผิดชอบลงชื่อย่อกํากับตรา หนังสือประทับตราให้ใช้ได้ทั้งระหว่างส่วนราชการกับส่วนราชการ และระหว่างส่วน ราชการกับบุคคลภายนอก เฉพาะกรณีที่ไม่ใช่เรื่องสําคัญ ได้แก่
๑๓.๑ การขอรายละเอียดเพิ่มเติม
๑๓.๒ การส่งสําเนาหนังสือ สิ่งของ เอกสาร หรือบรรณสาร
๑๓.๓ การตอบรับทราบที่ไม่เกี่ยวกับราชการสําคัญ หรือการเงิน
๑๓.๔ การแจ้งผลงานที่ได้ดําเนินการไปแล้วให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทราบ
๑๓.๕ การเตือนเรื่องที่ค้าง
๑๓.๖ เรื่องซึ่งหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมขึ้นไปกําหนดโดยทําเป็น คําสั่ง ให้ใช้หนังสือประทับตรา
ข้อ ๑๔ หนังสือประทับตรา ใช้กระดาษตราครุฑ และให้จัดทําตามแบบที่ ๓ ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้
๑๔.๑ ที่ ให้ลงรหัสตัวพยัญชนะและเลขประจําของเจ้าของเรื่อง ตามที่ กําหนดไว้ในภาคผนวก ๑ ทับเลขทะเบียนหนังสือส่ง
๑๔.๒ ถึง ให้ลงชื่อส่วนราชการ หน่วยงาน หรือบุคคลที่หนังสือนั้นมีถึง
๑๔.๓ ข้อความ ให้ลงสาระสําคัญของเรื่องให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย
๑๔.๔ ชื่อส่วนราชการที่ส่งหนังสือออกให้ลงชื่อส่วนราชการที่ส่งหนังสือออก
๑๔.๕ ตราชื่อส่วนราชการ ให้ประทับตราชื่อส่วนราชการตามข้อ ๗๒ ด้วยหมึกแดง และให้ผู้รับผิดชอบลงลายมือชื่อย่อกํากับตรา
๑๔.๖ วัน เดือน ปีให้ลงตัวเลขของวันที่ ชื่อเต็มของเดือนและตัวเลขของ ปีพุทธศักราชที่ออกหนังสือ
๑๔.๗ ส่วนราชการเจ้าของเรื่อง ให้ลงชื่อส่วนราชการเจ้าของเรื่อง หรือ หน่วยงานที่ออกหนังสือ
๑๔.๘ โทร หรือที่ตั้ง ให้ลงหมายเลขโทรศัพท์ของส่วนราชการเจ้าของเรื่อง และมายเลขภายในตู้สาขา (ถ้ามี) ด้วย ในกรณีที่ไม่มีโทรศัพท์ให้ลงที่ตั้งของส่วนราชการเจ้าของเรื่อง โดยให้ลงตําบลที่อยู่ตามความจําเป็น และแขวงไปรษณีย์ (ถ้ามี)
ส่วนที่ ๔ หนังสือสั่งการ
ข้อ ๑๕ หนังสือสั่งการ ให้ใช้ตามแบบที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้เว้นแต่จะมีกฎหมาย กําหนดแบบไว้โดยเฉพาะ หนังสือสั่งการมี๓ ชนิด ได้แก่คําสั่ง ระเบียบ และข้อบังคับ
ข้อ ๑๖ คําสั่ง คือ บรรดาข้อความที่ผู้บังคับบัญชาสั่งการให้ปฏิบัติโดยชอบ ด้วยกฎหมายใช้กระดาษตราครุฑ และให้จัดทําตามแบบที่ ๔ ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้
๑๖.๑ คําสั่ง ให้ลงชื่อส่วนราชการ หรือตําแหน่งของผู้มีอํานาจที่ออกคําสั่ง
๑๖.๒ ที่ ให้ลงเลขที่ที่ออกคําสั่ง โดยเริ่มฉบับแรกจากเลข ๑ เรียงเป็น ลําดับไปจนสิ้นปีปฏิทินทับเลขปีพุทธศักราชที่ออกคําสั่ง
๑๖.๓ เรื่อง ให้ลงชื่อเรื่องที่ออกคําสั่ง
๑๖.๔ ข้อความ ให้อ้างเหตุที่ออกคําสั่ง และอ้างถึงอํานาจที่ให้ออกคําสั่ง (ถ้ามี) ไว้ด้วย แล้วจึงลงข้อความที่สั่ง และวันใช้บังคับ
๑๖.๕ สั่ง ณ วันที่ ให้ลงตัวเลขของวันที่ ชื่อเต็มของเดือน และตัวเลขของ ปีพุทธศักราชที่ออกคําสั่ง
๑๖.๖ ลงชื่อ ให้ลงลายมือชื่อผู้ออกคําสั่ง และพิมพ์ชื่อเต็มของเจ้าของ ลายมือชื่อไว้ใต้ลายมือชื่อ
๑๖.๗ ตําแหน่ง ให้ลงตําแหน่งของผู้ออกคําสั่ง
ข้อ ๑๗ ระเบียบ คือ บรรดาข้อความที่ผู้มีอํานาจหน้าที่ได้วางไว้โดยจะอาศัย อํานาจของกฎหมายหรือไม่ก็ได้เพื่อถือเป็นหลักปฏิบัติงานเป็นการประจํา ใช้กระดาษตราครุฑ และ ให้จัดทําตามแบบที่ ๕ ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้
๑๗.๑ ระเบียบ ให้ลงชื่อส่วนราชการที่ออกระเบียบ
๑๗.๒ ว่าด้วย ให้ลงชื่อของระเบียบ
๑๗.๓ ฉบับที่ ถ้าเป็นระเบียบที่กล่าวถึงเป็นครั้งแรกในเรื่องนั้น ไม่ต้อง ลงว่าเป็นฉบับที่เท่าใด แต่ถ้าเป็นระเบียบเรื่องเดียวกันที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมให้ลงเป็น ฉบับที่ ๒ และ ที่ถัด ๆ ไปตามลําดับ
๑๗.๔ พ.ศ. ให้ลงตัวเลขของปีพุทธศักราชที่ออกระเบียบ
๑๗.๕ ข้อความ ให้อ้างเหตุผลโดยย่อ เพื่อแสดงถึงความมุ่งหมายที่ต้อง ออกระเบียบ และอ้างถึงกฎหมายที่ให้อํานาจออกระเบียบ (ถ้ามี)
๑๗.๖ ข้อ ให้เรียงข้อความที่จะใช้เป็นระเบียบเป็นข้อ ๆ โดยให้ข้อ ๑ เป็นชื่อระเบียบ ข้อ ๒ เป็นวันใช้บังคับกําหนดว่าให้ใช้บังคับตั้งแต่เมื่อใด และข้อสุดท้าย เป็นข้อ ผู้รักษาการ ระเบียบใดถ้ามีมากข้อหรือหลายเรื่อง จะแบ่งเป็นหมวดก็ได้โดยให้ย้ายข้อผู้รักษาการ ไปเป็นข้อสุดท้ายก่อนที่จะขึ้นหมวด ๑
๑๗.๗ ประกาศ ณ วันที่ ให้ลงตัวเลขของวันที่ ชื่อเต็มของเดือน และ ตัวเลขของปีพุทธศักราชที่ออกระเบียบ
๑๗.๘ ลงชื่อ ให้ลงลายมือชื่อผู้ออกระเบียบ และพิมพ์ชื่อเต็มของเจ้าของ ลายมือชื่อไว้ใต้ลายมือชื่อ
๑๗.๙ ตําแหน่ง ให้ลงตําแหน่งของผู้ออกระเบียบ
ข้อ ๑๘ ข้อบังคับ คือ บรรดาข้อความที่ผู้มีอํานาจหน้าที่กําหนดให้ใช้โดยอาศัย อํานาจของกฎหมายที่บัญญัติให้กระทําได้ใช้กระดาษตราครุฑ และให้จัดทําตามแบบที่ ๖ ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้
๑๘.๑ ข้อบังคับ ให้ลงชื่อส่วนราชการที่ออกข้อบังคับ
๑๘.๒ ว่าด้วย ให้ลงชื่อของข้อบังคับ
๑๘.๓ ฉบับที่ ถ้าเป็นข้อบังคับที่กล่าวถึงเป็นครั้งแรกในเรื่องนั้น ไม่ต้อง ลงว่าเป็นฉบับที่เท่าใด แต่ถ้าเป็นข้อบังคับเรื่องเดียวกันที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมให้ลงเป็นฉบับที่ ๒ และ ที่ถัด ๆ ไปตามลําดับ
๑๘.๔ พ.ศ. ให้ลงตัวเลขของปีพุทธศักราชที่ออกข้อบังคับ
๑๘.๕ ข้อความ ให้อ้างเหตุผลโดยย่อเพื่อแสดงถึงความมุ่งหมายที่ต้อง ออกข้อบังคับ และอ้างถึงกฎหมายที่ให้อํานาจออกข้อบังคับ
๑๘.๖ ข้อ ให้เรียงข้อความที่จะใช้บังคับเป็นข้อ ๆ โดยให้ข้อ ๑ เป็น ชื่อข้อบังคับ ข้อ ๒ เป็นวันใช้บังคับกําหนดว่าให้ใช้บังคับตั้งแต่เมื่อใด และข้อสุดท้ายเป็นข้อ ผู้รักษาการ ข้อบังคับใดถ้ามีมากข้อหรือหลายเรื่องจะแบ่งเป็นหมวดก็ได้โดยให้ย้ายข้อผู้รักษาการ ไปเป็นข้อสุดท้ายก่อนที่จะขึ้นหมวด ๑
๑๘.๗ ประกาศ ณ วันที่ ให้ลงตัวเลขของวันที่ ชื่อเต็มของเดือน และ ตัวเลขของปีพุทธศักราช ที่ออกข้อบังคับ
๑๘.๘ ลงชื่อ ให้ลงลายมือชื่อผู้ออกข้อบังคับ และพิมพ์ชื่อเต็มของเจ้าของ ลายมือชื่อไว้ใต้ลายมือชื่อ
๑๘.๙ ตําแหน่ง ให้ลงตําแหน่งของผู้ออกข้อบังคับ
ส่วนที่ ๕ หนังสือประชาสัมพันธ์
ข้อ ๑๙ หนังสือประชาสัมพันธ์ให้ใช้ตามแบบที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้เว้นแต่จะมี กฎหมายกําหนดแบบไว้โดยเฉพาะ
หนังสือประชาสัมพันธ์มี๓ ชนิด ได้แก่ ประกาศ แถลงการณ์และข่าว
ข้อ ๒๐ ประกาศ คือ บรรดาข้อความที่ทางราชการประกาศหรือชี้แจงให้ทราบ หรือแนะแนวทางปฏิบัติใช้กระดาษตราครุฑ และให้จัดทําตามแบบที่ ๗ ท้ายระเบียบ โดยกรอก รายละเอียดดังนี้
๒๐.๑ ประกาศ ให้ลงชื่อส่วนราชการที่ออกประกาศ
๒๐.๒ เรื่อง ให้ลงชื่อเรื่องที่ประกาศ
๒๐.๓ ข้อความ ให้อ้างเหตุผลที่ต้องออกประกาศและข้อความท้ายประกาศ
๒๐.๔ ประกาศ ณ วันที่ ให้ลงตัวเลขของวันที่ ชื่อเต็มของเดือน และ ตัวเลขของปีพุทธศักราชที่ออกประกาศ
๒๐.๕ ลงชื่อ ให้ลงลายมือชื่อผู้ออกประกาศ และพิมพ์ชื่อเต็มของเจ้าของ ลายมือชื่อไว้ใต้ลายมือชื่อ
๒๐.๖ ตําแหน่ง ให้ลงตําแหน่งของผู้ออกประกาศ ในกรณีที่กฎหมายกําหนดให้ทําเป็นแจ้งความ ให้เปลี่ยนคําว่าประกาศเป็น แจ้งความ
ข้อ ๒๑ แถลงการณ์คือ บรรดาข้อความที่ทางราชการแถลงเพื่อทําความเข้าใจใน กิจการของทางราชการ หรือเหตุการณ์หรือกรณีใด ๆ ให้ทราบชัดเจนโดยทั่วกัน ใช้กระดาษตราครุฑ และให้จัดทําตามแบบที่ ๘ ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้
๒๑.๑ แถลงการณ์ให้ลงชื่อส่วนราชการที่ออกแถลงการณ์
๒๑.๒ เรื่อง ให้ลงชื่อเรื่องที่ออกแถลงการณ์
๒๑.๓ ฉบับที่ ใช้ในกรณีที่จะต้องออกแถลงการณ์หลายฉบับในเรื่องเดียว ที่ต่อเนื่องกัน ให้ลงฉบับที่เรียงตามลําดับไว้ด้วย
๒๑.๔ ข้อความ ให้อ้างเหตุผลที่ต้องออกแถลงการณ์และข้อความ ที่แถลงการณ์
๒๑.๕ ส่วนราชการที่ออกแถลงการณ์ ให้ลงชื่อส่วนราชการที่ออก แถลงการณ์
๒๑.๖ วัน เดือน ปีให้ลงตัวเลขของวันที่ชื่อเต็มของเดือน และตัวเลขของ ปีพุทธศักราชที่ออกแถลงการณ์
ข้อ ๒๒ ข่าว คือ บรรดาข้อความที่ทางราชการเห็นสมควรเผยแพร่ให้ทราบ ให้จัดทําตามแบบที่ ๙ ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้
๒๒.๑ ข่าว ให้ลงชื่อส่วนราชการที่ออกข่าว
๒๒.๒ เรื่อง ให้ลงชื่อเรื่องที่ออกข่าว
๒๒.๓ ฉบับที่ ใช้ในกรณีที่จะต้องออกข่าวหลายฉบับในเรื่องเดียว ที่ต่อเนื่องกัน ให้ลงฉบับที่เรียงตามลําดับไว้ด้วย
๒๒.๔ ข้อความ ให้ลงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องของข่าว
๒๒.๕ ส่วนราชการที่ออกข่าว ให้ลงชื่อส่วนราชการที่ออกข่าว
๒๒.๖ วัน เดือน ปีให้ลงตัวเลขของวันที่ชื่อเต็มของเดือน และตัวเลขของ ปีพุทธศักราชที่ออกข่าว
ส่วนที่ ๖ หนังสือที่เจ้าหน้าที่ทําขึ้นหรือรับไว้เป็นหลักฐานในราชการ
ข้อ ๒๓ หนังสือที่เจ้าหน้าที่ทําขึ้นหรือรับไว้เป็นหลักฐานในราชการ คือ หนังสือที่ ทางราชการทําขึ้นนอกจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น หรือหนังสือที่หน่วยงานอื่นใดซึ่งมิใช่ส่วนราชการ หรือบุคคลภายนอกมีมาถึงส่วนราชการ และส่วนราชการรับไว้เป็นหลักฐานของทางราชการ มี ๔ ชนิด คือหนังสือรับรอง รายงานการประชุม บันทึก และหนังสืออื่น
ข้อ ๒๔ หนังสือรับรอง คือ หนังสือที่ส่วนราชการออกให้เพื่อรับรองแก่ บุคคล นิติบุคคล หรือหน่วยงาน เพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใดให้ปรากฏแก่บุคคลโดยทั่วไปไม่จําเพาะ เจาะจง ใช้กระดาษตราครุฑ และให้จัดทําตามแบบที่ ๑๐ ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้
๒๔.๑ เลขที่ ให้ลงเลขที่ของหนังสือรับรองโดยเฉพาะ เริ่มตั้งแต่เลข ๑ เรียงเป็นลําดับไปจนถึงสิ้นปีปฏิทิน ทับเลขปีพุทธศักราชที่ออกหนังสือรับรอง หรือลงเลขที่ของหนังสือ ทั่วไปตามแบบหนังสือภายนอกอย่างหนึ่งอย่างใด
๒๔.๒ ส่วนราชการเจ้าของหนังสือ ให้ลงชื่อของส่วนราชการซึ่งเป็น เจ้าของหนังสือนั้น และจะลงสถานที่ตั้งของส่วนราชการเจ้าของหนังสือด้วยก็ได้
๒๔.๓ ข้อความ ให้ลงข้อความขึ้นต้นว่า หนังสือฉบับนี้ให้ไว้เพื่อรับรองว่า แล้วต่อด้วยชื่อบุคคล นิติบุคคล หรือหน่วยงานที่ทางราชการรับรอง ในกรณีเป็นบุคคลให้พิมพ์ชื่อเต็ม โดยมีคํานําหน้านาม ชื่อ นามสกุล ตําแหน่งหน้าที่ และสังกัดหน่วยงานที่ผู้นั้นทํางานอยู่อย่างชัดแจ้ง แล้วจึงลงข้อความที่รับรอง
๒๔.๔ ให้ไว้ณ วันที่ ให้ลงตัวเลขของวันที่ ชื่อเต็มของเดือน และตัวเลข ของปีพุทธศักราชที่ออกหนังสือรับรอง
๒๔.๕ ลงชื่อ ให้ลงลายมือชื่อหัวหน้าส่วนราชการผู้ออกหนังสือ หรือผู้ที่ ได้รับมอบหมายและพิมพ์ชื่อเต็มของเจ้าของลายมือชื่อไว้ใต้ลายมือชื่อ
๒๔.๖ ตําแหน่ง ให้ลงตําแหน่งของผู้ลงลายมือชื่อในหนังสือ
๒๔.๗ รูปถ่ายและลายมือชื่อผู้ได้รับการรับรอง ในกรณีที่การรับรองเป็น เรื่องสําคัญที่ออกให้แก่บุคคลให้ติดรูปถ่ายของผู้ที่ได้รับการรับรอง ขนาด ๔ X ๖ เซนติเมตร หน้าตรง ไม่สวมหมวกประทับตราชื่อส่วนราชการที่ออกหนังสือบนขอบล่างด้านขวาของรูปถ่ายคาบต่อลงบน แผ่นกระดาษ และให้ผู้นั้นลงลายมือชื่อไว้ใต้รูปถ่ายพร้อมทั้งพิมพ์ชื่อเต็มของเจ้าของลายมือชื่อไว้ใต้ ลายมือชื่อด้วย
ข้อ ๒๕ รายงานการประชุม คือ การบันทึกความคิดเห็นของผู้มาประชุม ผู้เข้าร่วม ประชุม และมติของที่ประชุมไว้เป็นหลักฐาน ให้จัดทําตามแบบที่ ๑๑ ท้ายระเบียบ โดยกรอก รายละเอียดดังนี้
๒๕.๑ รายงานการประชุม ให้ลงชื่อคณะที่ประชุม หรือชื่อการประชุมนั้น
๒๕.๒ ครั้งที่ ให้ลงครั้งที่ประชุม
๒๕.๓ เมื่อ ให้ลงวัน เดือน ปีที่ประชุม
๒๕.๔ ณ ให้ลงสถานที่ที่ประชุม
๒๕.๕ ผู้มาประชุม ให้ลงชื่อและหรือตําแหน่งของผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะ ที่ประชุมซึ่งมาประชุม ในกรณีที่มีผู้มาประชุมแทนให้ลงชื่อผู้มาประชุมแทน และลงว่ามาประชุมแทน ผู้ใดหรือตําแหน่งใด
๒๕.๖ ผู้ไม่มาประชุม ให้ลงชื่อและหรือตําแหน่งของผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเป็น คณะที่ประชุม ซึ่งมิได้มาประชุมพร้อมทั้งเหตุผล (ถ้ามี)
๒๕.๗ ผู้เข้าร่วมประชุม ให้ลงชื่อและหรือตําแหน่งของผู้ที่มิได้รับ การแต่งตั้งเป็นคณะที่ประชุม ซึ่งได้เข้าร่วมประชุม (ถ้ามี)
๒๕.๘ เริ่มประชุมเวลา ให้ลงเวลาที่เริ่มประชุม
๒๕.๙ ข้อความ ให้บันทึกข้อความที่ประชุม โดยปกติให้เริ่มต้นด้วย ประธานกล่าวเปิดประชุม และเรื่องที่ประชุม กับมติหรือข้อสรุปของที่ประชุมในแต่ละเรื่องตามลําดับ
๒๕.๑๐ เลิกประชุมเวลา ให้ลงเวลาที่เลิกประชุม
๒๕.๑๑ ผ้จดรายงานการประชุม ให้ลงชื่อผู้จดรายงานการประชุมครั้งนั้น
ข้อ ๒๖ บันทึก คือ ข้อความซึ่งผู้ใต้บังคับบัญชาเสนอต่อผู้บังคับบัญชา หรือ ผู้บังคับบัญชาสั่งการแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือข้อความที่เจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานระดับต่ํากว่าส่วน ราชการระดับกรมติดต่อกันในการปฏิบัติราชการ โดยปกติให้ใช้กระดาษบันทึกข้อความ และให้มี หัวข้อดังต่อไปนี้
๒๖.๑ ชื่อหรือตําแหน่งที่บันทึกถึง โดยใช้คําขึ้นต้นตามที่กําหนดไว้ใน ภาคผนวก ๒
๒๖.๒ สาระสําคัญของเรื่อง ให้ลงใจความของเรื่องที่บันทึก ถ้ามีเอกสาร ประกอบ ก็ให้ระบุไว้ด้วย
๒๖.๓ ชื่อและตําแหน่ง ให้ลงลายมือชื่อและตําแหน่งของผู้บันทึก และใน กรณีที่ไม่ใช้กระดาษบันทึกข้อความ ให้ลงวัน เดือน ปีที่บันทึกไว้ด้วยการบันทึกต่อเนื่อง โดยปกติให้ ผู้บันทึกระบุคําขึ้นต้น ใจความบันทึก และลงชื่อเช่นเดียวกับที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น และให้ลงวัน เดือน ปี กํากับใต้ลายมือชื่อผู้บันทึก หากไม่มีความเห็นใดเพิ่มเติมให้ลงชื่อและวัน เดือน ปีกํากับเท่านั้น
ข้อ ๒๗ หนังสืออื่น คือ หนังสือหรือเอกสารอื่นใดที่เกิดขึ้นเนื่องจากการปฏิบัติงาน ของเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นหลักฐานในราชการ ซึ่งรวมถึงภาพถ่าย ฟิล์ม แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพ และสื่อกลางบันทึกข้อมูลด้วย หรือหนังสือของบุคคลภายนอก ที่ยื่นต่อเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่ได้รับ เข้าทะเบียนรับหนังสือของทางราชการแล้ว มีรูปแบบตามที่กระทรวง ทบวง กรม จะกําหนดขึ้นใช้ ตามความเหมาะสม เว้นแต่มีแบบตามกฎหมายเฉพาะเรื่องให้ทําตามแบบ เช่น โฉนด แผนที่ แบบ แผนผัง สัญญา หลักฐาน การสืบสวนและสอบสวน และคําร้อง เป็นต้น
สื่อกลางบันทึกข้อมูลตามวรรคหนึ่ง หมายความถึง สื่อใด ๆ ที่อาจใช้บันทึกข้อมูลได้ ด้วยอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์เช่น แผ่นบันทึกข้อมูล เทปแม่เหล็ก จานแม่เหล็ก แผ่นซีดี – อ่าน อย่างเดียว หรือแผ่นดิจิทัลอเนกประสงค์เป็นต้น
ส่วนที่ ๗ บทเบ็ดเตล็ด
ข้อ ๒๘ หนังสือที่ต้องปฏิบัติให้เร็วกว่าปกติเป็นหนังสือที่ต้องจัดส่งและดําเนินการ ทางสารบรรณด้วยความรวดเร็วเป็นพิเศษ แบ่งเป็น ๓ ประเภท คือ
๒๘.๑ ด่วนที่สุด ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติในทันทีที่ได้รับหนังสือนั้น
๒๘.๒ ด่วนมาก ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติโดยเร็ว
๒๘.๓ ด่วน ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติเร็วกว่าปกติเท่าที่จะทําได้ให้ระบุ ชั้นความเร็วด้วยตัวอักษรสีแดงขนาดไม่เล็กกว่าตัวพิมพ์โป้ง ๓๒ พอยท์ให้เห็นได้ชัดบนหนังสือและ บนซอง ตามที่กําหนดไว้ในแบบที่ ๑ แบบที่ ๒ แบบที่ ๓ และแบบที่ ๑๕ ท้ายระเบียบโดยให้ระบุ คําว่า ด่วนที่สุด ด่วนมาก หรือด่วน สําหรับหนังสือตามข้อ ๒๘.๑
ข้อ ๒๘.๒ และข้อ ๒๘.๓ แล้วแต่ กรณีในกรณีที่ต้องการให้หนังสือส่งถึงผู้รับภายในเวลาที่กําหนด ให้ระบุคําว่า ด่วนภายใน แล้วลงวัน เดือน ปีและกําหนดเวลาที่ต้องการให้หนังสือนั้นไปถึงผู้รับ กับให้เจ้าหน้าที่ส่งถึงผู้รับซึ่งระบุบน หน้าซองภายในเวลาที่กําหนด
ข้อ ๒๙ การติดต่อราชการนอกจากการจะดําเนินการโดยหนังสือที่เป็นเอกสาร สามารถดําเนินการด้วยระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ได้
ในกรณีที่ติดต่อราชการด้วยระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้ส่งตรวจสอบผล การส่งทุกครั้งและให้ผู้รับแจ้งตอบรับ เพื่อยืนยันว่าหนังสือได้จัดส่งไปยังผู้รับเรียบร้อยแล้ว และส่วน ราชการผู้ส่งไม่ต้องจัดส่งหนังสือเป็นเอกสาร เว้นแต่กรณีเป็นเรื่องสําคัญจําเป็นต้องยืนยันเป็นเอกสาร ให้ทําเอกสาร ยืนยันตามไปทันที การส่งข้อความทางเครื่องมือสื่อสาร เช่น โทรเลข วิทยุโทรเลข โทรพิมพ์โทรศัพท์ วิทยุสื่อสารวิทยุกระจายเสียง หรือวิทยุโทรทัศน์เป็นต้น ให้ผู้รับปฏิบัติเช่นเดียวกับได้รับหนังสือ ในกรณีที่จําเป็นต้องยืนยันเป็นหนังสือให้ทําหนังสือยืนยันตามไปทันที
การส่งข้อความทางเครื่องมือสื่อสารซึ่งไม่มีหลักฐานปรากฏชัดแจ้ง เช่น ทางโทรศัพท์วิทยุสื่อสาร วิทยุกระจายเสียง หรือวิทยุโทรทัศน์ เป็นต้น ให้ผู้ส่งและผู้รับบันทึก ข้อความไว้เป็นหลักฐาน
ข้อ ๓๐ หนังสือที่จัดทําขึ้นโดยปกติให้มีสําเนาคู่ฉบับเก็บไว้ที่ต้นเรื่อง ๑ ฉบับ และ ให้มีสําเนาเก็บไว้ที่หน่วยงานสารบรรณกลาง ๑ ฉบับสําเนาคู่ฉบับให้ผู้ลงชื่อลงลายมือชื่อ หรือลายมือ ชื่อย่อ และให้ผู้ร่าง ผู้พิมพ์และผู้ตรวจลงลายมือชื่อ หรือลายมือชื่อย่อไว้ที่ข้างท้ายขอบล่างด้านขวา ของหนังสือ

ข้อ ๓๑ หนังสือที่เจ้าของหนังสือเห็นว่ามีส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้องควรได้รับทราบด้วย โดยปกติให้ส่งสําเนาไปให้ทราบโดยทําเป็นหนังสือประทับตราสําเนาหนังสือนี้ให้มีคํารับรองว่า สําเนา ถูกต้อง โดยให้เจ้าหน้าที่ตั้งแต่ระดับ ๒ หรือเทียบเท่าขึ้นไปซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องลงลายมือชื่อรับรอง พร้อมทั้งลงชื่อตัวบรรจง และตําแหน่งที่ขอบล่างของหนังสือ
ข้อ ๓๒ หนังสือเวียน คือ หนังสือที่มีถึงผู้รับเป็นจํานวนมาก มีใจความ อย่างเดียวกัน ให้เพิ่มรหัสตัวพยัญชนะ ว หน้าเลขทะเบียนหนังสือส่ง ซึ่งกําหนดเป็นเลขที่ หนังสือเวียนโดยเฉพาะ เริ่มตั้งแต่เลข ๑ เรียงเป็นลําดับไปจนถึงสิ้นปีปฏิทิน หรือใช้เลขที่ของหนังสือ ทั่วไปตามแบบหนังสือภายนอกอย่างหนึ่งอย่างใด เมื่อผู้รับได้รับหนังสือเวียนแล้วเห็นว่าเรื่องนั้นจะต้องให้หน่วยงาน หรือบุคคล ในบังคับบัญชาในระดับต่าง ๆ ได้รับทราบด้วย ก็ให้มีหน้าที่จัดทําสําเนา หรือจัดส่งให้หน่วยงาน หรือ บุคคลเหล่านั้นโดยเร็ว
ข้อ ๓๓ สรรพนามที่ใช้ในหนังสือ ให้ใช้ตามฐานะแห่งความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของ หนังสือและผู้รับหนังสือตามภาคผนวก ๒
ข้อ ๓๔ หนังสือภาษาต่างประเทศ ให้ใช้กระดาษตราครุฑ หนังสือที่เป็นภาษาอังกฤษ ให้ทําตามแบบที่กําหนดไว้ในภาคผนวก ๔ สําหรับหนังสือที่เป็นภาษาอื่น ๆ ซึ่งมิใช่ภาษาอังกฤษ ให้เป็นไปตามประเพณีนิยม
หมวด ๒ การรับและส่งหนังสือ
ส่วนที่ ๑ การรับหนังสือ
ข้อ ๓๕ หนังสือรับ คือ หนังสือที่ได้รับเข้ามาจากภายนอก ให้เจ้าหน้าที่ของ หน่วยงานสารบรรณกลางปฏิบัติตามที่กําหนดไว้ในส่วนนี้ การรับหนังสือที่มีชั้นความลับ ในชั้นลับหรือลับมาก ด้วยระบบสารบรรณ อิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้ใช้งานหรือผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับการแต่งตั้งให้เข้าถึงเอกสารลับแต่ละระดับ เป็นผู้รับ ผ่านระบบการรักษาความปลอดภัย โดยให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของ ทางราชการ
ข้อ ๓๖ จัดลําดับความสําคัญและความเร่งด่วนของหนังสือเพื่อดําเนินการก่อนหลัง และให้ผู้เปิดซองตรวจเอกสาร หากไม่ถูกต้องให้ติดต่อส่วนราชการเจ้าของเรื่อง หรือหน่วยงานที่ออกหนังสือเพื่อดําเนินการให้ถูกต้อง หรือบันทึกข้อบกพร่องไว้เป็นหลักฐาน แล้วจึงดําเนินการ เรื่องนั้นต่อไป
ข้อ ๓๗ ประทับตรารับหนังสือตามแบบที่ ๑๒ ท้ายระเบียบ ที่มุมบนด้านขวา ของหนังสือ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้
๓๗.๑ เลขรับ ให้ลงเลขที่รับตามเลขที่รับในทะเบียน
๓๗.๒ วันที่ ให้ลงวัน เดือน ปีที่รับหนังสือ
๓๗.๓ เวลา ให้ลงเวลาที่รับหนังสือ
ข้อ ๓๘ ลงทะเบียนรับหนังสือในทะเบียนหนังสือรับตามแบบที่ ๑๓ ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้
๓๘.๑ ทะเบียนหนังสือรับ วันที่ เดือน พ.ศ. ให้ลงวัน เดือน ปี ที่ลงทะเบียน
๓๘.๒ เลขทะเบียนรับ ให้ลงเลขลําดับของทะเบียนหนังสือรับเรียงลําดับ ติดต่อกันไปตลอดปีปฏิทิน เลขทะเบียนของหนังสือรับจะต้องตรงกับเลขที่ในตรารับหนังสือ
๓๘.๓ ที่ ให้ลงเลขที่ของหนังสือที่รับเข้ามา
๓๘.๔ ลงวันที่ ให้ลงวัน เดือน ปีของหนังสือที่รับเข้ามา
๓๘.๕ จาก ให้ลงตําแหน่งเจ้าของหนังสือ หรือชื่อส่วนราชการ หรือ ชื่อบุคคลในกรณีที่ไม่มีตําแหน่ง
๓๘.๖ ถึง ให้ลงตําแหน่งของผู้ที่หนังสือนั้นมีถึง หรือชื่อส่วนราชการ หรือ ชื่อบุคคล ในกรณีที่ไม่มีตําแหน่ง
๓๘.๗ เรื่อง ให้ลงชื่อเรื่องของหนังสือฉบับนั้น ในกรณีที่ไม่มีชื่อเรื่อง ให้ลง สรุปเรื่องย่อ
๓๘.๘ การปฏิบัติให้บันทึกการปฏิบัติเกี่ยวกับหนังสือฉบับนั้น
๓๘.๙ หมายเหตุให้บันทึกข้อความอื่นใด (ถ้ามี)
ข้อ ๓๙ จัดแยกหนังสือที่ลงทะเบียนรับแล้วส่งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดําเนินการ โดยให้ลงชื่อหน่วยงานที่รับหนังสือนั้นในช่อง การปฏิบัติถ้ามีชื่อบุคคล หรือตําแหน่งที่เกี่ยวข้อง กับการรับหนังสือให้ลงชื่อหรือตําแหน่งไว้ด้วย การส่งหนังสือที่ลงทะเบียนรับแล้วไปให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดําเนินการตามวรรคหนึ่ง จะส่งโดยใช้สมุดส่งหนังสือตามข้อ ๔๘ หรือให้ผู้รับหนังสือลงชื่อและวัน เดือน ปีที่รับหนังสือไว้เป็น หลักฐานในทะเบียนรับหนังสือก็ได้ การดําเนินการตามขั้นตอนนี้จะเสนอผ่านผู้บังคับบัญชาผู้ใดหรือไม่ ให้เป็นไปตามที่ หัวหน้าส่วนราชการกําหนด ถ้าหนังสือรับนั้นจะต้องดําเนินเรื่องในหน่วยงานนั้นเองจนถึงขั้นได้ตอบหนังสือไปแล้ว ให้ลงทะเบียนว่าได้ส่งออกไปโดยหนังสือที่เท่าใด วัน เดือน ปีใด
ข้อ ๔๐ การรับหนังสือภายในส่วนราชการเดียวกัน เมื่อผู้รับได้รับหนังสือจาก หน่วยงานสารบรรณกลางแล้ว ให้ปฏิบัติตามวิธีการที่กล่าวข้างต้นโดยอนุโลม
ส่วนที่ ๒ การส่งหนังสือ
ข้อ ๔๑ หนังสือส่ง คือ หนังสือที่ส่งออกไปภายนอก ให้ปฏิบัติตามที่กําหนดไว้ ในส่วนนี้ การส่งหนังสือที่มีชั้นความลับ ในชั้นลับหรือลับมาก ด้วยระบบสารบรรณ อิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้ใช้งานหรือผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับการแต่งตั้งให้เข้าถึงเอกสารลับแต่ละระดับ เป็น ผู้ส่งผ่านระบบการรักษาความปลอดภัย โดยให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของ ทางราชการ
ข้อ ๔๒ ให้เจ้าของเรื่องตรวจความเรียบร้อยของหนังสือ รวมทั้งสิ่งที่จะส่งไปด้วย ให้ครบถ้วน แล้วส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานสารบรรณกลางเพื่อส่งออก
ข้อ ๔๓ เมื่อเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานสารบรรณกลางได้รับเรื่องแล้ว ให้ปฏิบัติดังนี้
๔๓.๑ ลงทะเบียนส่งหนังสือในทะเบียนหนังสือส่งตามแบบที่ ๑๔ ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้ ๔๓.๑.๑ ทะเบียนหนังสือส่ง วันที่ เดือน พ.ศ. ให้ลงวัน เดือน ปี ที่ลงทะเบียน
๔๓.๑.๒ เลขทะเบียนส่ง ให้ลงเลขลําดับของทะเบียนหนังสือส่ง เรียงลําดับติดต่อกันไปตลอดปีปฏิทิน
๔๓.๑.๓ ที่ ให้ลงรหัสตัวพยัญชนะ และเลขประจําของ ส่วนราชการเจ้าของเรื่องในหนังสือที่จะส่งออก ถ้าไม่มีที่ดังกล่าว ช่องนี้จะว่าง
๔๓.๑.๔ ลงวันที่ ให้ลงวัน เดือน ปีที่จะส่งหนังสือนั้นออก
๔๓.๑.๕ จาก ให้ลงตําแหน่งเจ้าของหนังสือ หรือชื่อส่วนราชการ หรือชื่อบุคคลในกรณีที่ไม่มีตําแหน่ง
๔๓.๑.๖ ถึง ให้ลงตําแหน่งของผู้ที่หนังสือนั้นมีถึง หรือชื่อส่วน ราชการ หรือชื่อบุคคลในกรณีที่ไม่มีตําแหน่ง
๔๓.๑.๗ เรื่อง ให้ลงชื่อเรื่องของหนังสือฉบับนั้น ในกรณีที่ไม่มีชื่อเรื่อง ให้ลงสรุปเรื่องย่อ
๔๓.๑.๘ การปฏิบัติให้บันทึกการปฏิบัติเกี่ยวกับหนังสือฉบับนั้น
๔๓.๑.๙ หมายเหตุ ให้บันทึกข้อความอื่นใด (ถ้ามี)
๔๓.๒ ลงเลขที่ และวัน เดือน ปีในหนังสือที่จะส่งออกทั้งในต้นฉบับ และ สําเนาคู่ฉบับให้ตรงกับเลขทะเบียนส่ง และวัน เดือน ปีในทะเบียนหนังสือส่งตามข้อ ๔๓.๑.๒ และ ข้อ ๔๓.๑.๔
ข้อ ๔๔ ก่อนบรรจุซอง ให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานสารบรรณกลางตรวจ ความเรียบร้อยของหนังสือตลอดจนสิ่งที่ส่งไปด้วยอีกครั้งหนึ่ง แล้วปิดผนึก หนังสือที่ไม่มีความสําคัญมากนัก อาจส่งไปโดยวิธีพับยึดติดด้วยแถบกาว กาว เย็บ ด้วยลวดหรือวิธีอื่นแทนการบรรจุซอง
ข้อ ๔๕ การจ่าหน้าซอง ให้ปฏิบัติตามแบบที่ ๑๕ ท้ายระเบียบสําหรับหนังสือที่ต้อง ปฏิบัติให้เร็วกว่าปกติให้ปฏิบัติตามข้อ ๒๘ ในกรณีไม่ใช้สมุดส่งหนังสือ ให้มีใบรับหนังสือตามข้อ ๔๙ แนบติดซองไปด้วย
ข้อ ๔๖ การส่งหนังสือโดยทางไปรษณีย์ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบ หรือวิธีการ ที่การสื่อสารแห่งประเทศไทยกําหนด การส่งหนังสือซึ่งมิใช่เป็นการส่งโดยทางไปรษณีย์เมื่อส่งหนังสือให้ผู้รับแล้ว ผู้ส่ง ต้องให้ผู้รับลงชื่อรับในสมุดส่งหนังสือ หรือใบรับ แล้วแต่กรณีถ้าเป็นใบรับให้นําใบรับนั้นมาผนึกติดไว้ ที่สําเนาคู่ฉบับ
ข้อ ๔๗ หนังสือที่ได้ลงทะเบียนส่ง ในกรณีที่เป็นการตอบหนังสือซึ่งรับเข้ามา ให้ลงทะเบียนว่าหนังสือนั้นได้ตอบตามหนังสือรับที่เท่าใด วัน เดือน ปีใด
ข้อ ๔๘ สมุดส่งหนังสือ ให้จัดทําตามแบบที่ ๑๖ ท้ายระเบียบ โดยกรอก รายละเอียดดังนี้
๔๘.๑ เลขทะเบียน ให้ลงเลขทะเบียนหนังสือส่ง
๔๘.๒ จาก ให้ลงตําแหน่ง หรือชื่อส่วนราชการ หรือชื่อบุคคลที่เป็น เจ้าของหนังสือ
๔๘.๓ ถึง ให้ลงตําแหน่งของผู้ที่หนังสือนั้นมีถึง หรือชื่อส่วนราชการ หรือ ชื่อบุคคล ในกรณีที่ไม่มีตําแหน่ง
๔๘.๔ หน่วยรับ ให้ลงชื่อส่วนราชการที่รับหนังสือ
๔๘.๕ ผู้รับ ให้ผู้รับหนังสือลงชื่อที่สามารถอ่านออกได้
๔๘.๖ วันและเวลา ให้ผู้รับหนังสือลงวัน เดือน ปีและเวลาที่รับหนังสือ
๔๘.๗ หมายเหตุให้บันทึกข้อความอื่นใด (ถ้ามี) ข้อ ๔๙ ใบรับหนังสือ ให้จัดทําตามแบบที่ ๑๗ ท้ายระเบียบ โดยกรอก รายละเอียดดังนี้
๔๙.๑ ที่ ให้ลงเลขที่ของหนังสือฉบับนั้น
๔๙.๒ ถึง ให้ลงตําแหน่งของผู้ที่หนังสือนั้นมีถึง หรือชื่อส่วนราชการ หรือ ชื่อบุคคล ในกรณีที่ไม่มีตําแหน่ง
๔๙.๓ เรื่อง ให้ลงชื่อเรื่องของหนังสือฉบับนั้น ในกรณีที่ไม่มีชื่อเรื่อง ให้ลงสรุปเรื่องย่อ
๔๙.๔ รับวันที่ ให้ผู้รับหนังสือลงวัน เดือน ปีที่รับหนังสือ
๔๙.๕ เวลา ให้ผู้รับหนังสือลงเวลาที่รับหนังสือ
๔๙.๖ ผู้รับ ให้ผู้รับหนังสือลงชื่อที่สามารถอ่านออกได้
ส่วนที่ ๓ บทเบ็ดเตล็ด
ข้อ ๕๐ เพื่อให้การรับและส่งหนังสือดําเนินไปโดยสะดวกเรียบร้อยและรวดเร็ว ส่วนราชการจะกําหนดหน้าที่ของผู้ปฏิบัติตลอดจนแนวทางปฏิบัตินั้นไว้ด้วยก็ได้ ทั้งนี้ให้มีการสํารวจ ทะเบียนหนังสือรับเป็นประจําว่าหนังสือตามทะเบียนรับนั้นได้มีการปฏิบัติไปแล้วเพียงใด และให้มี การติดตามเรื่องด้วย ในการนี้ส่วนราชการใดเห็นสมควรจะจัดให้มีบัตรตรวจค้นสําหรับหนังสือรับและ หนังสือส่งเพื่อความสะดวกในการค้นหาก็ได้ตามความเหมาะสม
ข้อ ๕๑ บัตรตรวจค้น ให้จัดทําตามแบบที่ ๑๘ ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้
๕๑.๑ เรื่อง รหัส ให้ลงเรื่องและรหัสตามหมวดหมู่ของหนังสือ
๕๑.๒ เลขทะเบียนรับ ให้ลงเลขทะเบียนตามที่ปรากฏในทะเบียนหนังสือรับ
๕๑.๓ ที่ ให้ลงเลขที่ของหนังสือ
๕๑.๔ ลงวันที่ ให้ลงวัน เดือน ปีของหนังสือ
๕๑.๕ รายการ ให้ลงเรื่องย่อของหนังสือเพื่อให้ทราบว่า หนังสือนั้น มาจากที่ใด เรื่องอะไร
๕๑.๖ การปฏิบัติให้บันทึกการปฏิบัติเกี่ยวกับหนังสือนั้นเพื่อให้ทราบว่า ส่งไปที่ใด เมื่อใด
หมวด ๓ การเก็บรักษา ยืม และทําลายหนังสือ
ส่วนที่ ๑ การเก็บรักษา
ข้อ ๕๒ การเก็บหนังสือแบ่งออกเป็น การเก็บระหว่างปฏิบัติการเก็บเมื่อปฏิบัติ เสร็จแล้ว และการเก็บไว้เพื่อใช้ในการตรวจสอบ
ข้อ ๕๓ การเก็บระหว่างปฏิบัติคือ การเก็บหนังสือที่ปฏิบัติยังไม่เสร็จให้อยู่ใน ความรับผิดชอบของเจ้าของเรื่องโดยให้กําหนดวิธีการเก็บให้เหมาะสมตามขั้นตอนของการปฏิบัติงาน
ข้อ ๕๔ การเก็บเมื่อปฏิบัติเสร็จแล้ว คือ การเก็บหนังสือที่ปฏิบัติเสร็จเรียบร้อยแล้ว และไม่มีอะไรที่จะต้องปฏบิัติต่อไปอีก ให้เจ้าหน้าที่ของเจ้าของเรื่องปฏิบัติดังนี้
๕๔.๑ จัดทําบัญชีหนังสือส่งเก็บตามแบบที่ ๑๙ ท้ายระเบียบ อย่างน้อย ให้มีต้นฉบับและสําเนาคู่ฉบับสําหรับเจ้าของเรื่องและหน่วยเก็บ เก็บไว้อย่างละฉบับ โดยกรอก รายละเอียดดังนี้
๕๔.๑.๑ ลําดับที่ ให้ลงเลขลําดับเรื่องของหนังสือที่เก็บ
๕๔.๑.๒ ที่ ให้ลงเลขที่ของหนังสือแต่ละฉบับ
๕๔.๑.๓ ลงวันที่ ให้ลงวัน เดือน ปีของหนังสือแต่ละฉบับ
๕๔.๑.๔ เรื่อง ให้ลงชื่อเรื่องของหนังสือแต่ละฉบับ ในกรณีที่ไม่มี ชื่อเรื่อง ให้ลงสรุปเรื่องย่อ
๕๔.๑.๕ อายุการเก็บหนังสือ ให้ลงวัน เดือน ปีที่จะเก็บถึง ในกรณี ให้เก็บไว้ตลอดไป ให้ลงคําว่า ห้ามทําลาย ๕๔.๑.๖ หมายเหตุให้บันทึกข้อความอื่นใด (ถ้ามี) ๕๔.๒ ส่งหนังสือและเรื่องปฏิบัติทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับหนังสือนั้น พร้อมทั้งบัญชีหนังสือส่งเก็บไปให้หน่วยเก็บที่ส่วนราชการนั้น ๆ กําหนด
ข้อ ๕๕ เมื่อได้รับเรื่องจากเจ้าของเรื่องตามข้อ ๕๔ แล้ว ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ในการเก็บหนังสือปฏิบัติดังนี้
๕๕.๑ ประทับตรากําหนดเก็บหนังสือตามข้อ ๗๓ ไว้ที่มุมล่างด้านขวา ของกระดาษแผ่นแรกของหนังสือฉบับนั้น และลงลายมือชื่อย่อกํากับตรา
๕๕.๑.๑ หนังสือที่ต้องเก็บไว้ตลอดไป ให้ประทับตราคําว่า ห้ามทําลาย ด้วยหมึกสีแดง
๕๕.๑.๒ หนังสือที่เก็บโดยมีกําหนดเวลา ให้ประทับตราคําว่า เก็บถึง พ.ศ. ... ด้วยหมึกสีน้ําเงิน และลงเลขของปีพุทธศักราชที่ให้เก็บถึง ๕๕.๒ ลงทะเบียนหนังสือเก็บไว้เป็นหลักฐานตามแบบที่ ๒๐ ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้
๕๕.๒.๑ ลําดับที่ ให้ลงเลขลําดับเรื่องของหนังสือที่เก็บ
๕๕.๒.๒ วันเก็บ ให้ลงวัน เดือน ปีที่นําหนังสือนั้นเข้าทะเบียนเก็บ
๕๕.๒.๓ เลขทะเบียนรับ ให้ลงเลขทะเบียนรับของหนังสือแต่ละฉบับ
๕๕.๒.๔ ที่ ให้ลงเลขที่ของหนังสือแต่ละฉบับ
๕๕.๒.๕ เรื่อง ให้ลงชื่อเรื่องของหนังสือแต่ละฉบับ ในกรณีที่ไม่มี ชื่อเรื่อง ให้ลงสรุปเรื่องย่อ ๕๕.๒.๖ รหัสแฟ้ม ให้ลงหมายเลขลําดับหมู่ของการจัดแฟ้มเก็บหนังสือ ๕๕.๒.๗ กําหนดเวลาเก็บ ให้ลงระยะเวลาการเก็บตามที่กําหนด ในตรากําหนดเก็บหนังสือตามข้อ ๕๕.๑ ๕๕.๒.๘ หมายเหตุให้บันทึกข้อความอื่นใด (ถ้ามี)
ข้อ ๕๖ การเก็บไว้เพื่อใช้ในการตรวจสอบ คือ การเก็บหนังสือที่ปฏิบัติเสร็จ เรียบร้อยแล้ว แต่จําเป็นจะต้องใช้ในการตรวจสอบเป็นประจํา ไม่สะดวกในการส่งไปเก็บยังหน่วยเก็บ ของส่วนราชการตามข้อ ๕๔ ให้เจ้าของเรื่องเก็บเป็นเอกเทศ โดยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ขึ้นรับผิดชอบก็ได้ เมื่อหมดความจําเป็นที่จะต้องใช้ในการตรวจสอบแล้ว ให้จัดส่งหนังสือนั้นไปยังหน่วยเก็บของ ส่วนราชการโดยให้ถือปฏิบัติตามข้อ ๕๔ และข้อ ๕๕ โดยอนุโลม
ข้อ ๕๗ อายุการเก็บหนังสือ โดยปกติให้เก็บไว้ไม่น้อยกว่า ๑๐ ปีเว้นแต่หนังสือ ดังต่อไปนี้
๕๗.๑ หนังสือที่ต้องสงวนเป็นความลับ ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติหรือระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ
๕๗.๒ หนังสือที่เป็นหลักฐานทางอรรถคดีสํานวนของศาลหรือ ของพนักงานสอบสวนหรือหนังสืออื่นใดที่ได้มีกฎหมายหรือระเบียบแบบแผนกําหนดไว้เป็นพิเศษแล้ว การเก็บ ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนว่าด้วยการนั้น
๕๗.๓ หนังสือที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ทุกสาขาวิชา และมีคุณค่าต่อ การศึกษา ค้นคว้า วิจัย ให้เก็บไว้เป็นหลักฐานสําคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติตลอดไป หรือตามที่ สํานักหอจดหมายเหตุแห่งชาติกรมศิลปากร กําหนด
๕๗.๔ หนังสือที่ได้ปฏิบัติงานเสร็จสิ้นแล้ว และเป็นคู่สําเนาที่มีต้นเรื่อง จะค้นได้จากที่อื่นให้เก็บไว้ไม่น้อยกว่า ๕ ปี
๕๗.๕ หนังสือที่เป็นเรื่องธรรมดาสามัญซึ่งไม่มีความสําคัญ และ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจําเมื่อดําเนินการแล้วเสร็จให้เก็บไว้ไม่น้อยกว่า ๑ ปี
๕๗.๖ หนังสือหรือเอกสารเกี่ยวกับการรับเงิน การจ่ายเงิน หรือการ ก่อหนี้ผูกพันทางการเงินที่ไม่เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ ในทางการเงิน รวมถึงหนังสือหรือเอกสารเกี่ยวกับการรับเงิน การจ่ายเงิน หรือการก่อหนี้ผูกพัน ทางการเงินที่หมดความจําเป็นในการใช้เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับ ซึ่งสิทธิในทางการเงิน เพราะได้มีหนังสือหรือเอกสารอื่นที่สามารถนํามาใช้อ้างอิงหรือทดแทนหนังสือ หรือเอกสารดังกล่าวแล้ว เมื่อสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบแล้วไม่มีปัญหา และไม่มี ความจําเป็นต้องใช้ประกอบการตรวจสอบหรือเพื่อการใด ๆ อีก ให้เก็บไว้ไม่น้อยกว่า ๕ ปี หนังสือเกี่ยวกับการเงิน ซึ่งเห็นว่าไม่มีความจําเป็นต้องเก็บไว้ถึง ๑๐ ปีหรือ ๕ ปี แล้วแต่กรณีให้ทําความตกลงกับกระทรวงการคลัง
ข้อ ๕๘๑๑ ทุกปีปฏิทินให้ส่วนราชการจัดส่งหนังสือที่มีอายุครบ ๒๐ ปีนับจากวันที่ ได้จัดทําขึ้น ที่เก็บไว้ณ ส่วนราชการใด พร้อมทั้งบัญชีส่งมอบหนังสือครบ ๒๐ ปีให้สํานัก หอจดหมายเหตุแห่งชาติกรมศิลปากร ภายในวันที่ ๓๑ มกราคม ของปีถัดไป เว้นแต่หนังสือ ดังต่อไปนี้
๕๘.๑ หนังสือที่ต้องสงวนเป็นความลับให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติหรือระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ
๕๘.๒ หนังสือที่มีกฎหมาย ข้อบังคับ หรือระเบียบที่ออกใช้เป็นการทั่วไป กําหนดไว้เป็นอย่างอื่น
๕๘.๓ หนังสือที่ส่วนราชการมีความจําเป็นต้องเก็บไว้ที่ส่วนราชการนั้น ให้จัดทําบัญชีหนังสือครบ ๒๐ ปีที่ขอเก็บเอง ส่งมอบให้สํานักหอจดหมายเหตุแห่งชาติกรมศิลปากร
ข้อ ๕๙ บัญชีส่งมอบหนังสือครบ ๒๐ ปีและบัญชีหนังสือครบ ๒๐ ปีที่ขอเก็บ เอง อย่างน้อยให้มีต้นฉบับและสําเนาคู่ฉบับ เพื่อให้ส่วนราชการผู้มอบและสํานักหอจดหมายเหตุ แห่งชาติกรมศิลปากร ผู้รับมอบยึดถือไว้เป็นหลักฐานฝ่ายละฉบับ
๕๙.๑ บัญชีส่งมอบหนังสือครบ ๒๐ ปีให้จัดทําตามแบบที่ ๒๑ ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้
๕๙.๑.๑ ชื่อบัญชีส่งมอบหนังสือครบ ๒๐ ปีประจําปีให้ลง ตัวเลขของปีพุทธศักราชที่จัดทําบัญชี
๕๙.๑.๒ กระทรวง ทบวงกรม กอง ให้ลงชื่อส่วนราชการที่จัดทําบัญชี
๕๙.๑.๓ วันที่ ให้ลงวัน เดือน ปีที่จัดทําบัญชี
๕๙.๑.๔ แผ่นที่ ให้ลงเลขลําดับของแผ่นบัญชี
๕๙.๑.๕ ลําดับที่ ให้ลงเลขลําดับเรื่องของหนังสือที่ส่งมอบ
๕๙.๑.๖ รหัสแฟ้ม ให้ลงหมายเลขลําดับหมู่ของการจัดแฟ้มเก็บหนังสือ
๕๙.๑.๗ ที่ ให้ลงเลขที่ของหนังสือแต่ละฉบับ
๕๙.๑ ๘ ลงวันที่ ให้ลงวัน เดือน ปีของหนังสือแต่ละฉบับ
๕๙.๑ ๙ เลขทะเบียนรับ ให้ลงเลขทะเบียนรับของหนังสือแต่ละฉบับ
๕๙.๑.๑๐ เรื่อง ให้ลงชื่อเรื่องของหนังสือแต่ละฉบับ ในกรณีที่ ไม่มีชื่อเรื่อง ให้ลงสรุปเรื่องย่อ
๕๙.๑.๑๑ หมายเหตุให้บันทึกข้อความอื่นใด (ถ้ามี)
๕๙.๑.๑๒ ลงชื่อผู้มอบ ให้ผู้มอบลงลายมือชื่อและวงเล็บชื่อและ นามสกุลด้วยตัวบรรจงพร้อมทั้งลงตําแหน่งของผู้มอบ
๕๙.๑.๑๓ ลงชื่อผู้รับมอบ ให้ผู้รับมอบลงลายมือชื่อและวงเล็บ ชื่อและนามสกุลด้วยตัวบรรจงพร้อมทั้งลงตําแหน่งของผู้รับมอบ
๕๙.๒ บัญชีหนังสือครบ ๒๐ ปีที่ขอเก็บเอง ให้จัดทําตามแบบที่ ๒๒ ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้
๕๙.๒.๑ ชื่อบัญชีหนังสือครบ ๒๐ ปีที่ขอเก็บเองประจําปีให้ลง ตัวเลขของปีพุทธศักราชที่จัดทําบัญชี
๕๙.๒.๒ กระทรวง ทบวงกรม กอง ให้ลงชื่อส่วนราชการที่จัดทําบัญชี
๕๙.๒.๓ วันที่ ให้ลงวัน เดือน ปีที่จัดทําบัญชี
๕๙.๒.๔ แผ่นที่ ให้ลงเลขลําดับของแผ่นบัญชี
๕๙.๒.๕ ลําดับที่ ให้ลงเลขลําดับเรื่องของหนังสือที่ขอเก็บเอง
๕๙.๒.๖ รหัสแฟ้ม ให้ลงหมายเลขลําดับหมู่ของการจัดแฟ้มเก็บหนังสือ
๕๙.๒.๗ ที่ ให้ลงเลขที่ของหนังสือแต่ละฉบับ
๕๙.๒ ๘ ลงวันที่ ให้ลงวัน เดือน ปีของหนังสือแต่ละฉบับ
๕๙.๒.๙ เรื่อง ให้ลงชื่อเรื่องของหนังสือแต่ละฉบับ ในกรณีที่ไม่มี ชื่อเรื่อง ให้ลงสรุปเรื่องย่อ
๕๙.๒.๑๐ หมายเหตุให้บันทึกข้อความอื่นใด (ถ้ามี)
ข้อ ๖๐ หนังสือที่ยังไม่ถึงกําหนดทําลาย ซึ่งส่วนราชการเห็นว่าเป็นหนังสือที่มี ความสําคัญ และประสงค์จะฝากให้กองจดหมายเหตุแห่งชาติกรมศิลปากร เก็บไว้ให้ปฏิบัติดังนี้
๖๐.๑ จัดทําบัญชีฝากหนังสือตามแบบที่ ๒๓ ท้ายระเบียบ อย่างน้อยให้มี ต้นฉบับและสําเนาคู่ฉบับ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้
๖๐.๑.๑ ชื่อบัญชีฝากหนังสือ ประจําปีให้ลงตัวเลขของ ปีพุทธศักราชที่จัดทําบัญชี
๖๐.๑.๒ กระทรวง ทบวงกรม กอง ให้ลงชื่อส่วนราชการที่จัดทําบัญชี
๖๐.๑.๓ วันที่ ให้ลงวัน เดือน ปีที่จัดทําบัญชี
๖๐.๑.๔ แผ่นที่ ให้ลงเลขลําดับของแผ่นบัญชี
๖๐.๑.๕ ลําดับที่ ให้ลงเลขลําดับเรื่องของหนังสือ
๖๐.๑.๖ รหัสแฟ้ม ให้ลงหมายเลขลําดับหมู่ของการจัดแฟ้มเก็บหนังสือ ๖๐.๑.๗ ที่ ให้ลงเลขที่ของหนังสือแต่ละฉบับ
๖๐.๑.๘ ลงวันที่ ให้ลงวัน เดือน ปีของหนังสือแต่ละฉบับ
๖๐.๑.๙ เลขทะเบียนรับ ให้ลงเลขทะเบียนรับของหนังสือแต่ละฉบับ
๖๐.๑.๑๐ เรื่อง ให้ลงชื่อเรื่องของหนังสือแต่ละฉบับ ในกรณีที่ ไม่มีชื่อเรื่อง ให้ลงสรุปเรื่องย่อ
๖๐.๑.๑๑ หมายเหตุให้บันทึกข้อความอื่นใด (ถ้ามี)
๖๐.๑.๑๒ ลงชื่อผู้ฝาก ให้ผู้ฝากลงลายมือชื่อและวงเล็บชื่อและ นามสกุลด้วยตัวบรรจงพร้อมทั้งลงตําแหน่งของผู้ฝาก
๖๐.๑.๑๓ ลงชื่อผู้รับฝาก ให้ผู้รับฝากลงลายมือชื่อและวงเล็บ ชื่อและนามสกุลด้วยตัวบรรจงพร้อมทั้งลงตําแหน่งของผู้รับฝาก
๖๐.๒ ส่งต้นฉบับและสําเนาคู่ฉบับบัญชีฝากหนังสือพร้อมกับหนังสือที่จะ ฝากให้กองจดหมายเหตุแห่งชาติกรมศิลปากร
๖๐.๓ เมื่อกองจดหมายเหตุแห่งชาติกรมศิลปากร ตรวจหนังสือและ รับฝากหนังสือแล้วให้ลงนามในบัญชีฝากหนังสือ แล้วคืนต้นฉบับให้ส่วนราชการผู้ฝากเก็บไว้เป็น หลักฐาน หนังสือที่ฝากเก็บไว้ที่กองจดหมายเหตุแห่งชาติกรมศิลปากร ให้ถือว่า เป็นหนังสือของส่วนราชการผู้ฝาก หากส่วนราชการผู้ฝากต้องการใช้หนังสือหรือขอคืน ให้ทําได้โดย จัดทําหลักฐานต่อกันไว้ให้ชัดแจ้ง เมื่อถึงกําหนดการทําลายแล้ว ให้ส่วนราชการผู้ฝากดําเนินการตามข้อ ๖๖
ข้อ ๖๑ การรักษาหนังสือ ให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังรักษาหนังสือให้อยู่ในสภาพ ใช้ราชการได้ทุกโอกาส หากชํารุดเสียหายต้องรีบซ่อมให้ใช้ราชการได้เหมือนเดิม หากสูญหายต้องหา สําเนามาแทน ถ้าชํารุดเสียหายจนไม่สามารถซ่อมแซมให้คงสภาพเดิมได้ให้รายงานผู้บังคับบัญชา ทราบและให้หมายเหตุไว้ในทะเบียนเก็บด้วย
ถ้าหนังสือที่สูญหายเป็นเอกสารสิทธิตามกฎหมายหรือหนังสือสําคัญที่เป็นการแสดง เอกสารสิทธิก็ให้ดําเนินการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน
ส่วนที่ ๒ การยืม
ข้อ ๖๒ การยืมหนังสือที่ส่งเก็บแล้ว ให้ปฏิบัติดังนี้
๖๒.๑ ผู้ยืมจะต้องแจ้งให้ทราบว่าเรื่องที่ยืมนั้นจะนําไปใช้ในราชการใด
๖๒.๒ ผู้ยืมจะต้องมอบหลักฐานการยืมให้เจ้าหน้าที่เก็บ แล้วลงชื่อ รับเรื่องที่ยืมไว้ในบัตรยืมหนังสือและให้เจ้าหน้าที่เก็บรวบรวมหลักฐานการยืม เรียงลําดับวัน เดือน ปี ไว้เพื่อติดตามทวงถาม ส่วนบัตรยืมหนังสือนั้นให้เก็บไว้แทนที่หนังสือที่ถูกยืมไป
๖๒.๓ การยืมหนังสือระหว่างส่วนราชการ ผู้ยืมและผู้อนุญาตให้ยืมต้อง เป็นหัวหน้าส่วนราชการระดับกองขึ้นไป หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
๖๒.๔ การยืมหนังสือภายในส่วนราชการเดียวกัน ผู้ยืมและผู้อนุญาต ให้ยืมต้องเป็นหัวหน้าส่วนราชการระดับแผนกขึ้นไป หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
ข้อ ๖๓ บัตรยืมหนังสือ ให้จัดทําตามแบบที่ ๒๔ ท้ายระเบียบ โดยกรอก รายละเอียดดังนี้
๖๓.๑ รายการ ให้ลงชื่อเรื่องหนังสือที่ขอยืมไปพร้อมด้วยรหัสของหนังสือนั้น
๖๓.๒ ผู้ยืม ให้ลงชื่อบุคคล ตําแหน่ง หรือส่วนราชการที่ยืมหนังสือนั้น
๖๓.๓ ผู้รับ ให้ผู้รับหนังสือนั้นลงลายมือชื่อ และวงเล็บชื่อกํากับ พร้อมด้วยตําแหน่งในบรรทัดถัดไป
๖๓.๔ วันยืม ให้ลงวัน เดือน ปีที่ยืมหนังสือนั้น
๖๓.๕ กําหนดส่งคืน ให้ลงวัน เดือน ปีที่จะส่งหนังสือนั้นคืน
๖๓.๖ ผู้ส่งคืน ให้ผู้ส่งคืนลงลายมือชื่อ
๖๓.๗ วันส่งคืน ให้ลงวัน เดือน ปีที่ส่งหนังสือคืน
ข้อ ๖๔ การยืมหนังสือที่ปฏิบัติยังไม่เสร็จหรือหนังสือที่เก็บไว้เพื่อใช้ใน การตรวจสอบ ให้ถือปฏิบัติตามข้อ ๖๒ โดยอนุโลม
ข้อ ๖๕ การให้บุคคลภายนอกยืมหนังสือจะกระทํามิได้เว้นแต่จะให้ดูหรือคัดลอก หนังสือ ทั้งนี้จะต้องได้รับอนุญาตจากหัวหน้าส่วนราชการระดับกองขึ้นไป หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายก่อน
ส่วนที่ ๓ การทําลาย
ข้อ ๖๖ ภายใน ๖๐ วันหลังจากวันสิ้นปีปฏิทิน ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการเก็บ หนังสือสํารวจหนังสือที่ครบกําหนดอายุการเก็บในปีนั้น ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่เก็บไว้เองหรือที่ฝากเก็บ ไว้ที่กองจดหมายเหตุแห่งชาติกรมศิลปากร แล้วจัดทําบัญชีหนังสือขอทําลายเสนอหัวหน้า ส่วนราชการระดับกรมเพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการทําลายหนังสือ บัญชีหนังสือขอทําลาย ให้จัดทําตามแบบที่ ๒๕ ท้ายระเบียบ อย่างน้อยให้มีต้นฉบับ และสําเนาคู่ฉบับ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้
๖๖.๑ ชื่อบัญชีหนังสือขอทําลาย ประจําปีให้ลงตัวเลขของปีพุทธศักราช ที่จัดทําบัญชี
๖๖.๒ กระทรวง ทบวง กรม กอง ให้ลงชื่อส่วนราชการที่จัดทําบัญชี
๖๖.๓ วันที่ ให้ลงวัน เดือน ปีที่จัดทําบัญชี
๖๖.๔ แผ่นที่ ให้ลงเลขลําดับของแผ่นบัญชี
๖๖.๕ ลําดับที่ ให้ลงเลขลําดับเรื่องของหนังสือ
๖๖.๖ รหัสแฟ้ม ให้ลงหมายเลขลําดับหมู่ของการจัดแฟ้มเก็บหนังสือ
๖๖.๗ ที่ ให้ลงเลขที่ของหนังสือแต่ละฉบับ
๖๖.๘ ลงวันที่ ให้ลงวัน เดือน ปีของหนังสือแต่ละฉบับ
๖๖.๙ เลขทะเบียนรับ ให้ลงเลขทะเบียนรับของหนังสือแต่ละฉบับ
๖๖.๑๐ เรื่อง ให้ลงชื่อเรื่องของหนังสือแต่ละฉบับ ในกรณีที่ไม่มีชื่อเรื่อง ให้ลงสรุปเรื่องย่อ
๖๖.๑๑ การพิจารณา ให้คณะกรรมการทําลายหนังสือเป็นผู้กรอก
๖๖.๑๒ หมายเหตุให้บันทึกข้อความอื่นใด (ถ้ามี)
ข้อ ๖๗ ให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมแต่งตั้งคณะกรรมการทําลายหนังสือ ประกอบด้วย ประธานกรรมการและกรรมการอีกอย่างน้อยสองคน โดยปกติให้แต่งตั้งจากข้าราชการ ตั้งแต่ระดับ ๓ หรือเทียบเท่าขึ้นไป ถ้าประธานกรรมการไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ให้กรรมการที่มาประชุมเลือก กรรมการคนหนึ่งทําหน้าที่ประธาน มติของคณะกรรมการให้ถือเสียงข้างมาก ถ้ากรรมการผู้ใดไม่เห็นด้วยให้ทําบันทึก ความเห็นแย้งไว้
ข้อ ๖๘ คณะกรรมการทําลายหนังสือ มีหน้าที่ดังนี้
๖๘.๑ พิจารณาหนังสือที่จะขอทําลายตามบัญชีหนังสือขอทําลาย
๖๘.๒ ในกรณีที่คณะกรรมการมีความเห็นว่าหนังสือฉบับใดไม่ควรทําลาย และควรจะขยายเวลาการเก็บไว้ให้ลงความเห็นว่าจะขยายเวลาการเก็บไว้ถึงเมื่อใด ในช่อง
การพิจารณาตามข้อ ๖๖.๑๑ ของบัญชีหนังสือขอทําลาย แล้วให้แก้ไขอายุการเก็บหนังสือในตรา กําหนดเก็บหนังสือโดยให้ประธานกรรมการทําลายหนังสือลงลายมือชื่อกํากับการแก้ไข
๖๘.๓ ในกรณีที่คณะกรรมการมีความเห็นว่าหนังสือเรื่องใดควรให้ทําลาย ให้กรอกเครื่องหมายกากบาท (X) ลงในช่อง การพิจารณา ตามข้อ ๖๖.๑๑ ของบัญชีหนังสือ ขอทําลาย
๖๘.๔ เสนอรายงานผลการพิจารณาพร้อมทั้งบันทึกความเห็นแย้ง ของคณะกรรมการ (ถ้ามี) ต่อหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมเพื่อพิจารณาสั่งการตามข้อ ๖๙
๖๘.๕ ควบคุมการทําลายหนังสือซึ่งผู้มีอํานาจอนุมัติให้ทําลายได้แล้ว โดย การเผาหรือวิธีอื่นใดที่จะไม่ให้หนังสือนั้นอ่านเป็นเรื่องได้และเมื่อทําลายเรียบร้อยแล้วให้ทําบันทึกลง นามร่วมกันเสนอผู้มีอํานาจอนุมัติทราบ
ข้อ ๖๙ เมื่อหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมได้รับรายงานตามข้อ ๖๘.๔ แล้ว ให้พิจารณาสั่งการดังนี้
๖๙.๑ ถ้าเห็นว่าหนังสือเรื่องใดยังไม่ควรทําลาย ให้สั่งการให้เก็บหนังสือ นั้นไว้จนถึงเวลาการทําลายงวดต่อไป
๖๙.๒ ถ้าเห็นว่าหนังสือเรื่องใดควรทําลาย ให้ส่งบัญชีหนังสือขอทําลายให้ กองจดหมายเหตุแห่งชาติกรมศิลปากร พิจารณาก่อน เว้นแต่หนังสือประเภทที่ส่วนราชการนั้นได้ขอ ทําความตกลงกับกรมศิลปากรแล้ว ไม่ต้องส่งไปให้พิจารณา
ข้อ ๗๐ ให้กองจดหมายเหตุแห่งชาติกรมศิลปากร พิจารณารายการในบัญชี หนังสือขอทําลายแล้วแจ้งให้ส่วนราชการที่ส่งบัญชีหนังสือทําลายทราบดังนี้
๗๐.๑ ถ้ากองจดหมายเหตุแห่งชาติกรมศิลปากร เห็นชอบด้วย ให้แจ้งให้ ส่วนราชการนั้นดําเนินการทําลายหนังสือต่อไปได้หากกองจดหมายเหตุแห่งชาติกรมศิลปากร ไม่แจ้ง ให้ทราบอย่างใดภายในกําหนดเวลา ๖๐ วัน นับแต่วันที่ส่วนราชการนั้นได้ส่งเรื่องให้กองจดหมายเหตุ แห่งชาติกรมศิลปากร ให้ถือว่ากองจดหมายเหตุแห่งชาติกรมศิลปากร ได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และ ให้ส่วนราชการทําลายหนังสือได้
๗๐.๒ ถ้ากองจดหมายเหตุแห่งชาติกรมศิลปากร เห็นว่าหนังสือฉบับใด ควรจะขยายเวลาการเก็บไว้อย่างใดหรือให้เก็บไว้ตลอดไป ให้แจ้งให้ส่วนราชการนั้นทราบ และให้ส่วน ราชการนั้น ๆ ทําการแก้ไขตามที่กองจดหมายเหตุแห่งชาติกรมศิลปากร แจ้งมา หากหนังสือใด กองจดหมายเหตุแห่งชาติกรมศิลปากร เห็นควรให้ส่งไปเก็บไว้ที่กองจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร ก็ให้ส่วนราชการนั้น ๆ ปฏิบัติตาม เพื่อประโยชน์ในการนี้กองจดหมายเหตุแห่งชาติกรมศิลปากร จะส่งเจ้าหน้าที่ มาร่วมตรวจสอบหนังสือของส่วนราชการนั้นก็ได้
หมวด ๔ มาตรฐานตรา แบบพิมพ์และซอง
ข้อ ๗๑ ตราครุฑสําหรับแบบพิมพ์ให้ใช้ตามแบบที่ ๒๖ ท้ายระเบียบ มี๒ ขนาดคือ
๗๑.๑ ขนาดตัวครุฑสูง ๓ เซนติเมตร
๗๑.๒ ขนาดตัวครุฑสูง ๑.๕ เซนติเมตร
ข้อ ๗๒ ตราชื่อส่วนราชการให้ใช้ตามแบบที่ ๒๗ ท้ายระเบียบ มีลักษณะเป็น รูปวงกลมสองวงซ้อนกันเส้นผ่าศูนย์กลางวงนอก ๔.๕ เซนติเมตร วงใน ๓.๕ เซนติเมตร ล้อมครุฑ ตามข้อ ๗๑.๑ ระหว่างวงนอกและวงในมีอักษรไทยชื่อกระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการ ที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นกรมหรือจังหวัดอยู่ขอบล่างของตรา ส่วนราชการใดที่มีการติดต่อกับต่างประเทศ จะให้มีชื่อภาษาต่างประเทศเพิ่มขึ้น ด้วยก็ได้โดยให้อักษรไทยอยู่ขอบบนและอักษรโรมันอยู่ขอบล่างของตรา
ข้อ ๗๓ ตรากําหนดเก็บหนังสือ คือ ตราที่ใช้ประทับบนหนังสือเก็บ เพื่อให้ทราบ กําหนดระยะเวลาการเก็บหนังสือนั้นมีคําว่า เก็บถึง พ.ศ. ... หรือคําว่า ห้ามทําลาย ขนาดไม่เล็กกว่า ตัวพิมพ์๒๔ พอยท์
ข้อ ๗๔ มาตรฐานกระดาษและซอง ๗๔.๑ มาตรฐานกระดาษโดยปกติให้ใช้กระดาษปอนด์ขาว น้ําหนัก ๖๐ กรัม ต่อตารางเมตร มี๓ ขนาด คือ ๗๔.๑.๑ ขนาดเอ ๔ หมายความว่า ขนาด ๒๑๐ มิลลิเมตร X ๒๙๗ มิลลิเมตร ๗๔.๑.๒ ขนาดเอ ๕ หมายความว่า ขนาด ๑๔๘ มิลลิเมตร X ๒๑๐ มิลลิเมตร ๗๔.๑.๓ ขนาดเอ ๘ หมายความว่า ขนาด ๕๒ มิลลิเมตร X ๗๔ มิลลิเมตร ๗๔.๒ มาตรฐานซอง โดยปกติให้ใช้กระดาษสีขาวหรือสีน้ําตาล น้ําหนัก ๘๐ กรัมต่อตารางเมตร เว้นแต่ซองขนาดซี๔ ให้ใช้กระดาษน้ําหนัก ๑๒๐ กรัมต่อตารางเมตร มี๔ ขนาด คือ ๗๔.๒.๑ ขนาดซี๔ หมายความว่า ขนาด ๒๒๙ มิลลิเมตร X ๓๒๔ มิลลิเมตร ๗๔.๒.๒ ขนาดซี๕ หมายความว่า ขนาด ๑๖๒ มิลลิเมตร X ๒๒๙ มิลลิเมตร ๗๔.๒.๓ ขนาดซี๖ หมายความว่า ขนาด ๑๑๔ มิลลิเมตร X ๑๖๒ มิลลิเมตร ๗๔.๒.๔ ขนาดดีแอล หมายความว่า ขนาด ๑๑๐ มิลลิเมตร X ๒๒๐ มิลลิเมตร
ข้อ ๗๕ กระดาษตราครุฑ ให้ใช้กระดาษขนาดเอ ๔ พิมพ์ครุฑตามข้อ ๗๑.๑ ด้วยหมึกสีดํา หรือทําเป็นครุฑดุน ที่กึ่งกลางส่วนบนของกระดาษ ตามแบบที่ ๒๘ ท้ายระเบียบ
ข้อ ๗๖ กระดาษบันทึกข้อความ ให้ใช้กระดาษขนาดเอ ๔ หรือขนาดเอ ๕ พิมพ์ครุฑ ตามข้อ ๗๑.๒ ด้วยหมึกสีดําที่มุมบนด้านซ้าย ตามแบบที่ ๒๙ ท้ายระเบียบ
ข้อ ๗๗ ซองหนังสือให้พิมพ์ครุฑ ตามข้อ ๗๑.๒ ด้วยหมึกสีดําที่มุมบนด้านซ้ายของซอง
๗๗.๑ ขนาดซี๔ ให้สําหรับบรรจุหนังสือกระดาษตราครุฑ โดยไม่ต้องพับ มีชนิดธรรมดาและขยายข้าง
๗๗.๒ ขนาดซี๕ ใช้สําหรับบรรจุหนังสือกระดาษตราครุฑพับ ๒
๗๗.๓ ขนาดซี๖ ใช้สําหรับบรรจุหนังสือกระดาษตราครุฑพับ ๔
๗๗.๔ ขนาดดีแอล ใช้สําหรับบรรจุหนังสือกระดาษตราครุฑพับ ๓ ส่วนราชการใดมีความจําเป็นต้องใช้ซองสําหรับส่งทางไปรษณีย์อากาศโดยเฉพาะ อาจใช้ซองพิเศษสําหรับส่งทางไปรษณีย์อากาศและพิมพ์ตราครุฑตามที่กล่าวข้างต้นได้โดยอนุโลม
ข้อ ๗๘ ตรารับหนังสือ คือ ตราที่ใช้ประทับบนหนังสือ เพื่อลงเลขทะเบียน รับหนังสือ ตามแบบที่ ๑๒ ท้ายระเบียบ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด ๒.๕ เซนติเมตร X ๕ เซนติเมตรมีชื่อส่วนราชการอยู่ตอนบน
ข้อ ๗๙ ทะเบียนหนังสือรับ ใช้สําหรับลงรายการหนังสือที่ได้รับเข้าเป็นประจําวัน โดยเรียงลําดับลงมาตามเวลาที่ได้รับหนังสือ มีขนาดเอ ๔ พิมพ์สองหน้า มีสองชนิด คือ ชนิดเป็นเล่ม และชนิดเป็นแผ่นตามแบบที่ ๑๓ ท้ายระเบียบ
ข้อ ๘๐ ทะเบียนหนังสือส่ง ใช้สําหรับลงรายการหนังสือที่ได้ส่งออกเป็นประจําวัน โดยเรียงลําดับลงมาตามเวลาที่ได้ส่งหนังสือ มีขนาดเอ ๔ พิมพ์สองหน้า มีสองชนิด คือ ชนิดเป็นเล่ม และชนิดเป็นแผ่นตามแบบที่ ๑๔ ท้ายระเบียบ
ข้อ ๘๑ สมุดส่งหนังสือและใบรับหนังสือ ใช้สําหรับลงรายการละเอียดเกี่ยวกับ การส่งหนังสือโดยให้ผู้นําส่งถือกํากับไปกับหนังสือเพื่อให้ผู้รับเซ็นรับแล้วรับกลับคืนมา ๘๑.๑ สมุดส่งหนังสือ เป็นสมุดสําหรับใช้ลงรายการส่งหนังสือ มีขนาดเอ ๕ พิมพ์สองหน้า ตามแบบที่ ๑๖ ท้ายระเบียบ ๘๑.๒ ใบรับหนังสือ ใช้สําหรับกํากับไปกับหนังสือที่นําส่งโดยให้ผู้รับ เซ็นชื่อรับ แล้วรับกลับคืนมา มีขนาดเอ ๘ พิมพ์หน้าเดียว ตามแบบที่ ๑๗ ท้ายระเบียบ
ข้อ ๘๒ บัตรตรวจค้น เป็นบัตรกํากับหนังสือแต่ละรายการเพื่อให้ทราบว่าหนังสือ นั้น ๆ ได้มีการดําเนินการตามลําดับขั้นตอนอย่างใด จนกระทั่งเสร็จสิ้น บัตรนี้เก็บเรียงลําดับกันเป็น ชุดในที่เก็บ โดยมีกระดาษติดเป็นบัตรดรรชนีซึ่งแบ่งออกเป็นตอน ๆ เพื่อสะดวกแก่การตรวจค้น มีขนาดเอ ๕ พิมพ์สองหน้า ตามแบบที่ ๑๘ ท้ายระเบียบ
ข้อ ๘๓ บัญชีหนังสือส่งเก็บ ใช้สําหรับลงรายการหนังสือที่จะส่งเก็บ มีขนาดเอ ๔ พิมพ์หน้าเดียวตามแบบที่ ๑๙ ท้ายระเบียบ
ข้อ ๘๔ ทะเบียนหนังสือเก็บ เป็นทะเบียนที่ใช้ลงรายการหนังสือเก็บ มีขนาดเอ ๔ พิมพ์สองหน้า มีสองชนิด คือ ชนิดเป็นเล่ม และชนิดเป็นแผ่น ตามแบบที่ ๒๐ ท้ายระเบียบ
ข้อ ๘๕ บัญชีส่งมอบหนังสือครบ ๒๕ ปีเป็นบัญชีที่ใช้ลงรายการหนังสือที่มีอายุ ครบ ๒๕ ปีส่งมอบเก็บไว้ที่กองจดหมายเหตุแห่งชาติกรมศิลปากร มีลักษณะเป็นแผ่นขนาดเอ ๔ พิมพ์สองหน้า ตามแบบที่ ๒๑ ท้ายระเบียบ
ข้อ ๘๖ บัญชีหนังสือครบ ๒๕ ปีที่ขอเก็บเอง เป็นบัญชีที่ใช้ลงรายการหนังสือที่มี อายุครบ ๒๕ ปีซึ่งส่วนราชการนั้นมีความประสงค์จะเก็บไว้เอง มีลักษณะเป็นแผ่นขนาดเอ ๔ พิมพ์สองหน้า ตามแบบที่ ๒๒ ท้ายระเบียบ
ข้อ ๘๗ บัญชีฝากหนังสือ เป็นบัญชีที่ใช้ลงรายการหนังสือที่ส่วนราชการนําฝากไว้ กับกองจดหมายเหตุแห่งชาติกรมศิลปากร มีลักษณะเป็นแผ่นขนาดเอ ๔ พิมพ์สองหน้า ตามแบบที่ ๒๓ ท้ายระเบียบ
ข้อ ๘๘ บัตรยืมหนังสือ ใช้สําหรับเป็นหลักฐานแทนหนังสือที่ให้ยืมไป มีขนาด เอ ๔ พิมพ์หน้าเดียว ตามแบบที่ ๒๔ ท้ายระเบียบ ข้อ ๘๙ บัญชีหนังสือขอทําลาย เป็นบัญชีที่ใช้ลงรายการหนังสือที่ครบกําหนดเวลา การเก็บ มีลักษณะเป็นแผ่นขนาดเอ ๔ พิมพ์สองหน้า ตามแบบที่ ๒๕ ท้ายระเบียบ
บทเฉพาะกาล
ข้อ ๙๐ แบบพิมพ์และซอง ซึ่งมีอยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ใช้ได้ต่อไป จนกว่าจะหมด
ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๖ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี