ข้อบังคับกรมเจ้าท่า
ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เกี่ยวกับมาตรฐานที่พักอาศัยบนเรือประมง พ.ศ. ๒๕๖๓
ตามที่ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาการทางานในภาคประมง ค.ศ. ๒๐๐๗ ฉบับที่ ๑๘๘ (Work in Fishing Convention, 2007 (No. 188)) ซึ่งในภาคผนวก ๓ แห่งอนุสัญญาดังกล่าวได้กำหนดมาตรฐานที่พักอาศัยบนเรือประมง และมีพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานในงานประมงพ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นกฎหมายอนุวัติการอนุสัญญาดังกล่าว ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ และการบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพ จึงมีความจำเป็นต้องกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ เงื่อนไข เกี่ยวกับมาตรฐานที่พักอาศัยบนเรือประมง เพื่อปฏิบัติตามอนุสัญญาและพระราชบัญญัติดังกล่าว
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยพระพุทธศักราช ๒๔๕๖ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๖๓ (๑) (๒) แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกอบมาตรา ๑๓ และมาตรา ๒๒ วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานในงานประมง พ.ศ. ๒๕๖๒เจ้าท่าโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมออกข้อบังคับกรมเจ้าท่าไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับกรมเจ้าท่า ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับมาตรฐานที่พักอาศัยบนเรือประมง พ.ศ. ๒๕๖๓”
ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดากฎข้อบังคับ ข้อบังคับ และระเบียบในส่วนที่บัญญัติไว้แล้ว ซึ่งขัดหรือแย้งกับข้อบังคับนี้ ให้ใช้ข้อบังคับนี้แทน
ข้อ ๔ ในข้อบังคับนี้
“เรือประมง” หมายความว่า เรือประมงตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองแรงงานในงานประมง
“เจ้าของเรือ” หมายความว่า เจ้าของเรือประมง และให้หมายความรวมถึงผู้เช่าเรือประมง
แต่มิให้หมายความรวมถึงเจ้าของเรือประมงซึ่งให้ผู้อื่นเช่าหรือใช้เพื่อประกอบกิจการประมงโดยตนเอง
ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
“เรือประมงใหม่” หมายความว่า เรือประมงซึ่งมีดาดฟ้า ตามกรณีดังต่อไปนี้
๑. กรณีมีการทำสัญญาต่อเรือ
(ก) มีการทำสัญญาต่อเรือ ในวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ หรือภายหลังจากนั้น
(ข) มีการทำสัญญาการต่อเรือก่อนวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ และทำการส่งมอบเรือเมื่อพ้นระยะเวลาสามปีนับจากวันดังกล่าว
๒. กรณีที่ไม่มีการทำสัญญาการต่อเรือ ให้ใช้วันดังต่อไปนี้แทน
(ก) ที่มีการวางกระดูกงู หรือ
(ข) อยู่ในขั้นตอนการต่อสร้างที่สามารถบ่งชี้ว่าได้เริ่มต่อเรือนั้นขึ้น หรือ
(ค) มีการประกอบชิ้นส่วนน้ำหนักรวมเกินกว่าห้าสิบตัน หรือเกินกว่าร้อยละหนึ่งของน้ำหนักเรือ ทั้งนี้ ให้ใช้ค่าที่น้อยกว่า
ความตามวรรคหนึ่งให้หมายความรวมถึง เรือประมงที่ต่อขึ้นใหม่เพื่อทดแทนเรือประมงเก่าซึ่งได้รับความเสียหายโดยสิ้นเชิงและไม่สามารถซ่อมแซมให้กลับสู่สภาพเดิม
“เรือประมงเก่า” หมายความว่า เรือที่ไม่ใช่เรือประมงใหม่
“ดัดแปลงส่วนใหญ่” หมายความว่า การดัดแปลง ต่อเติมใด ๆ ซึ่งส่งผลให้เกิดการขยายขนาดความยาว ความกว้าง ความลึก ของตัวเรือ หรือการขยายขนาดความยาว ความกว้าง หรือความสูง ของที่พักอาศัย หรือระวางบรรทุกสัตว์น้ำหรือสินค้า อย่างชัดเจน
ข้อ ๕ ให้อธิบดีกรมเจ้าท่าเป็นผู้รักษาการตามข้อบังคับนี้
หมวด ก
ข้อบังคับทั่วไป
ข้อ ๖ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับกับเรือประมงใหม่ และเรือประมงเก่าที่ดัดแปลงส่วนใหญ่ที่มีดาดฟ้า และมีขนาดตั้งแต่สามร้อยตันกรอสส์ขึ้นไป
ข้อ ๗ ให้กรมเจ้าท่า มีอำนาจยกเว้นมิให้ข้อบังคับนี้ ใช้บังคับกับเรือประมงที่โดยปกติมีการใช้งานในทะเลไม่เกินยี่สิบสี่ชั่วโมง และขณะจอดเรือประมง แรงงานประมงได้ขึ้นไปอาศัยอยู่บนบก
กรณีเรือประมงตามวรรคหนึ่ง ให้เจ้าของเรือจัดให้มีสิ่งอานวยความสะดวกเพื่อการพักผ่อนการบริโภค และสุขาภิบาลที่เหมาะสม
หมวด ข
การดัดแปลงส่วนใหญ่
ข้อ ๘ การดัดแปลงส่วนใหญ่ ให้หมายความถึง การดัดแปลงเรือประมงตามเงื่อนไขอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(๑) การขยายขนาดของตัวเรือ โดยขยายขนาดความยาวตั้งแต่ร้อยละสิบขึ้นไป หรือขยายขนาดความกว้างตั้งแต่ร้อยละสิบห้าขึ้นไป หรือขยายขนาดความลึกตั้งแต่ร้อยละยี่สิบขึ้นไป
(๒) การขยายขนาดที่พักอาศัย โดยขยายขนาดความยาวตั้งแต่ร้อยละยี่สิบขึ้นไป หรือขยายขนาดความกว้างตั้งแต่ร้อยละสามสิบขึ้นไป หรือขยายขนาดความสูงตั้งแต่ร้อยละสี่สิบขึ้นไป
(๓) การขยายขนาดระวางบรรทุกสัตว์น้าหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้า โดยขยายความยาวตั้งแต่ร้อยละยี่สิบขึ้นไป หรือขยายขนาดความกว้างตั้งแต่ร้อยละสามสิบขึ้นไป หรือขยายขนาดความสูงตั้งแต่ร้อยละสี่สิบขึ้นไป
หมวด ค
แบบแปลนเรือ
ข้อ ๙ กรณีเรือประมงใหม่ หรือเรือประมงเก่าดัดแปลงส่วนใหญ่ หรือเรือประมงซื้อมาจากต่างประเทศ ในสภาพที่ต่อสร้างหรือดัดแปลงเสร็จแล้ว ให้เจ้าของเรือหรือผู้ต่อเรือประมงยื่นคำขอณ สำนักมาตรฐานเรือ กรมเจ้าท่า เพื่อตรวจรับรองและอนุมัติแบบแปลนตามข้อบังคับกรมเจ้าท่าว่าด้วยการตรวจอนุมัติแบบแปลนเรือพร้อมเอกสารหลักฐาน ดังต่อไปนี้
(๑) แบบแปลน
(๒) แบบการจัดการทั่วไป
(๓) แบบรายละเอียดที่พักอาศัย
(๔) หนังสือแสดงความทรงตัว
(๕) แบบการจัดการความปลอดภัย
(๖) แบบแสดงรายละเอียดวัสดุที่ใช้เป็นฉนวนกันความร้อนในที่พักอาศัย
หมวด ง
มาตรฐานที่พักอาศัยและสิ่งอานวยความสะดวก
ข้อ ๑๐ ให้เจ้าของเรือจัดให้เรือประมงมีมาตรฐานที่พักอาศัย และสิ่งอำนวยความสะดวกในเรือประมง ตามที่กำหนดไว้ในหมวดนี้
ข้อ ๑๑ ที่พักอาศัย และสิ่งอำนวยความสะดวก ให้มีมาตรฐาน ดังต่อไปนี้
(๑) มีระดับเพดานสูงจากพื้นอย่างน้อยหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร เพื่อให้แรงงานประมงสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างสะดวกสบาย
(๒) ไม่มีช่องเปิดใด ๆ จากระวางบรรทุกสัตว์น้ำ ห้องเครื่องจักร ห้องครัว ห้องเสบียงห้องอบแห้ง หรือพื้นที่สุขาภิบาลส่วนรวม เข้าสู่ห้องนอนได้โดยตรง เว้นแต่มีไว้เพื่อเป็นทางออกสำหรับการหลบหนีและมีผนังกั้นซึ่งสามารถผนึกน้ำและก๊าซได้
(๓) ผนังที่พักอาศัยมีฉนวนกันความร้อนอย่างเพียงพอ ผนังกั้นห้อง เพดาน และพื้นทำด้วยวัสดุที่ทำความสะอาดผิวได้ง่าย ใช้สีที่สว่าง ทนทาน และไม่เคลือบสารที่เป็นพิษ และไม่สร้างในรูปแบบที่ทำให้สัตว์และแมลงขนาดเล็กสามารถใช้เป็นที่อาศัยได้ พื้นทำด้วยวัสดุกันลื่น ป้องกันความชื้น และทำความสะอาดได้ง่าย หากพื้นปูด้วยวัสดุที่เชื่อมต่อกัน ยาแนวเพื่อป้องกันการแยกออกจากกัน
(๔) มีมาตรการป้องกันแมลงวันและแมลงอื่น ๆ ในบริเวณที่พักอาศัยของคนประจำเรือ
(๕) มีมาตรการป้องกันเสียงและลดการสั่นสะเทือนไม่ให้มากเกินควร
(๖) มีการระบายอากาศที่ดีสำหรับที่พักอาศัย เพื่อควบคุมและรักษาสภาพอากาศให้เหมาะสมและไหลเวียน
(๗) ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ หรือระบบปรับอากาศ ในห้องพักอาศัย สะพานเดินเรือห้องวิทยุ และห้องควบคุมเครื่องจักร เว้นแต่เรือที่ใช้ทำการประมงในเขตที่ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปรับอากาศ
(๘) ติดตั้งไฟส่องสว่างที่เพียงพอ
(๙) ติดตั้งม่านบังช่องแสงด้านข้าง หรือกระจกกรองแสง
(๑๐) ติดตั้งไฟฉุกเฉินภายในห้องนอน
(๑๑) ติดตั้งไฟส่องสว่างในห้องรับประทานอาหาร ช่องทางเดิน และช่องทางออกฉุกเฉิน
ข้อ ๑๒ ห้องนอน ให้มีมาตรฐาน ดังต่อไปนี้
(๑) อยู่ในตำแหน่งที่ไม่สั่นสะเทือนเกินควรจากสภาพคลื่นลมและการเดินเรือ โดยไม่พ้นไปกว่าแนวฝากั้นกันชน (Collision Bulkhead)
(๒) พื้นที่ในห้องนอนไม่น้อยกว่าหนึ่งจุดห้าตารางเมตรต่อหนึ่งคน กรณีเรือที่มีขนาดตั้งแต่เก้าร้อยห้าสิบตันกรอสส์ขึ้นไป พื้นที่ในห้องนอนไม่น้อยกว่าสองตารางเมตรต่อหนึ่งคน ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวไม่รวมถึงพื้นที่เตียงและตู้เก็บของ
(๓) ห้องนอนสำหรับนายเรือเป็นห้องนอนเดี่ยว ห้องนอนสำหรับนายประจำเรือนอนรวมกันได้ไม่เกินห้องละสองคน ห้องนอนสำหรับลูกเรือ ให้นอนรวมกันได้ไม่เกินห้องละหกคน
(๔) ปิดป้ายระบุจำนวนผู้พักอาศัยในห้องนอนไว้ในที่ซึ่งสามารถมองเห็นได้โดยง่ายและชัดเจน
(๕) เตียงนอนปูด้วยแผ่นรองพร้อมด้วยเบาะนวม หรือแผ่นรองที่มีเบาะนวม
(๖) เตียงนอนมีขนาดไม่ต่ำกว่า ๑๙๘ x ๘๐ เซนติเมตร
(๗) จัดให้มีอุปกรณ์เพื่อความสะดวกสบายสำหรับผู้พักอาศัย ซึ่งรวมถึงตู้เก็บของส่วนตัวที่เพียงพอต่อการเก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวอื่น ๆ และจัดให้มีโต๊ะและเก้าอี้ สำหรับการเขียนหนังสือ
(๘) แยกห้องนอนสำหรับชายและหญิง
ข้อ ๑๓ ห้องรับประทานอาหาร ให้มีมาตรฐาน ดังต่อไปนี้
(๑) ห้องรับประทานอาหารอยู่ใกล้หรือติดกับห้องครัว โดยไม่พ้นไปกว่าแนวฝากั้นกันชน (Collision Bulkhead) และไม่ติดกับห้องนอน
(๒) ขนาดและอุปกรณ์ในห้องรับประทานอาหารเพียงพอต่อจำนวนคนประจำเรือสูงสุดที่อาจเข้ามาใช้งานพร้อมกัน
(๓) ติดตั้งตู้เย็นไว้ในที่สะดวกต่อการใช้งานโดยมีขนาดปริมาณบรรจุที่เหมาะสม
(๔) มีเครื่องทาน้าดื่มร้อนและเย็น
ข้อ ๑๔ ห้องอาบน้ำ และห้องสุขา ให้มีมาตรฐาน ดังต่อไปนี้
(๑) จัดให้มีเครื่องสุขภัณฑ์ ซึ่งรวมถึง โถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำหรือฝักบัวอาบน้ำ
โดยมีน้ำร้อนและน้ำเย็นตามสมควร และมีจำนวนอย่างน้อยหนึ่งชุดต่อคนประจำเรือซึ่งไม่มีห้องอาบน้ำ
ส่วนตัวจำนวนหกคน
(๒) จำกัดการปนเปื้อนของสิ่งชำระล้างจากห้องอาบน้ำ ห้องสุขา ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่อื่น ๆ และแยกห้องน้ำชายและหญิงออกจากกัน
(๓) พื้นทำด้วยวัสดุกันลื่นซึ่งมีความทนทานและสามารถป้องกันความชื้นและระบายน้ำได้ดี
(๔) มีการระบายอากาศที่ดี โดยท่อระบายอยู่ห่างจากที่พักอาศัย
ข้อ ๑๕ สิ่งอำนวยความสะดวกในการซักอบรีด ให้มีมาตรฐาน ดังต่อไปนี้
(๑) จัดให้มีอุปกรณ์สำหรับการซักอบรีดเสื้อผ้า อย่างน้อยหนึ่งชุด
(๒) กรณีเรือที่มีขนาดตั้งแต่เก้าร้อยห้าสิบตันกรอสส์ขึ้นไป จัดให้มีห้องหรือพื้นที่สำหรับซักตาก และรีดเสื้อผ้าโดยเฉพาะ และมีการระบายอากาศและความร้อนที่ดี รวมถึงมีราวตากผ้าหรือวิธีการอื่น ๆ ในการทำให้เสื้อผ้าแห้งได้
ข้อ ๑๖ ห้องพยาบาล ให้มีมาตรฐาน ดังต่อไปนี้
(๑) มีพื้นที่สำหรับการดูแล รักษา ผู้เจ็บป่วย หรือผู้บาดเจ็บ
(๒) เรือที่มีขนาดตั้งแต่เก้าร้อยห้าสิบตันกรอสส์ขึ้นไป จัดให้มีห้องหรือพื้นที่สำหรับผู้ป่วยโดยเฉพาะ และมีอุปกรณ์สำหรับการรักษาพยาบาล
ข้อ ๑๗ สิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ให้มีมาตรฐาน ดังต่อไปนี้
(๑) มีตะขอไว้สำหรับแขวนชุดหรืออุปกรณ์เผชิญสภาพอากาศเลวร้าย และอุปกรณ์ความปลอดภัยส่วนบุคคลอื่น ๆ ติดตั้งในตำแหน่งที่สะดวกต่อการใช้งาน
(๒) จัดให้มีจาน ชาม ถ้วย และอุปกรณ์สำหรับรับประทานอาหาร
(๓) จัดให้มีเครื่องนอนและผ้าห่ม
ข้อ ๑๘ ห้องครัว ให้มีมาตรฐาน ดังต่อไปนี้
(๑) จัดให้มีอุปกรณ์ในการประกอบอาหารบนเรือ
(๒) จัดให้มีพื้นที่สำหรับประกอบอาหาร ซึ่งมีแสงสว่างและการระบายอากาศที่ดี
(๓) กรณีมีถังบรรจุก๊าซหุงต้มซึ่งใช้สำหรับการประกอบอาหาร ให้ติดตั้งบนดาดฟ้าเปิดโล่งโดยมีเครื่องกำบังจากความร้อนและป้องกันความเสียหายจากการกระแทก
(๔) จัดให้มีพื้นที่จัดเก็บเสบียงที่เหมาะสมและเพียงพอ โดยสามารถป้องกันความชื้นรักษาความเย็น และมีการระบายอากาศที่ดี หรือจัดให้มีตู้เย็นจำนวนอย่างน้อยหนึ่งเครื่อง
ข้อ ๑๙ ความสะอาด และสภาพที่พักอาศัย ให้มีมาตรฐาน ดังต่อไปนี้
(๑) จัดให้มีอุปกรณ์รองรับขยะไว้ในที่ปิดมิดชิด หรือมีภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท ไว้ในพื้นที่ประกอบอาหารหรือห้องครัว
(๒) จัดคนประจำเรืออย่างน้อยหนึ่งคน ให้มีหน้าที่ตรวจสอบที่พักอาศัย เพื่อทำให้แน่ใจว่าที่พักอาศัย ห้องครัว พื้นที่เก็บเสบียง มีความสะอาด ความปลอดภัย และมีสภาพเหมาะสมต่อการอยู่อาศัย และได้รับการบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพที่ดี และมีปริมาณอาหารและน้ำดื่มที่เพียงพอ และมีการบันทึกผลการตรวจ และการแก้ไขข้อบกพร่องที่ตรวจพบไว้เป็นหลักฐาน
หมวด จ
บทเฉพาะกาล
ข้อ ๒๐ บรรดาระเบียบ ประกาศ ข้อกำหนดตามกฎข้อบังคับสำหรับการตรวจเรือ (ฉบับที่ ๓๗) พ.ศ. ๒๕๕๓ และข้อบังคับกรมเจ้าท่า ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการออกใบสำคัญรับรองการตรวจเรือเพื่ออนุญาตให้ใช้เรือและใบสำคัญแสดงการตรวจเรือเพื่อจดทะเบียนเรือไทยสำหรับเรือประมง พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ใช้บังคับได้ต่อไปเพียงเท่าที่ไม่ขัดแย้งกับข้อบังคับนี้
ประกาศ ณ วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖3
วิทยา ยาม่วง
อธิบดีกรมเจ้าท่า