พระราชกฤษฎีกา กําหนดให้กิจการท่าเรือเดินทะเลเป็นกิจการค้าขายอันเป็นสาธารณูปโภค อันกระทบกระเทือนถึงความปลอดภัยหรือผาสุกของประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๒
__________
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๒
เป็นปีที่ ๓๔ ในรัชกาลปัจจุบัน
__________
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้กิจการท่าเรือเดินทะเลที่มีท่าให้บริการในการจอดเทียบ บรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าแก่เรือเดินทะเลที่มีขนาดตั้งแต่ห้าร้อยตันกรอสขึ้นไป เป็นกิจการค้าขายอันเป็นสาธารณูปโภคอันกระทบกระเทือนถึงความปลอดภัยหรือผาสุกของประชาชน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และข้อ ๓ (๙) แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๕ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดให้กิจการท่าเรือเดินทะเลเป็นกิจการค้าขายอันเป็นสาธารณูปโภคอันกระทบกระเทือนถึงความปลอดภัยหรือผาสุกของประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๒
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวัน ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้กิจการท่าเรือเดินทะเลที่มีท่าให้บริการในการจอด เทียบ บรรทุก หรือขนถ่ายสินค้าแก่เรือเดินทะเลที่มีขนาดตั้งแต่ห้าร้อยตันกรอสขึ้นไป ไม่ว่าจะมีการเรียกค่าตอบแทนในการให้บริการหรือไม่ เป็นกิจการค้าขายอันเป็นสาธารณูปโภคอันกระทบกระเทือนถึงความปลอดภัยหรือผาสุกของประชาชน
มาตรา ๔ ให้กระทรวงคมนาคมมีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับกิจการท่าเรือเดินทะเลตามมาตรา ๓
มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ส. โหตระกิตย์
รองนายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ กิจการท่าเรือเดินทะเลที่มีท่าในการให้บริการแก่เรือเดินทะเลขนาดใหญ่ในการจอด เทียบ บรรทุกหรือขนถ่ายสินค้ามีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจ และความปลอดภัยของ ประเทศ และมีส่วนสนับสนุนต่อกิจการขนส่งทางทะเลเป็นอย่างมาก สมควรให้มีการควบคุมกิจการท่าเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ดังกล่าวให้เป็นไปด้วยความเหมาะสม และเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ และความปลอดภัยของประเทศ รวมทั้งเป็นประโยชน์และสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาการพาณิชยนาวีของประเทศ โดย กำหนดให้กิจการท่าเรือเดินทะเลที่มีท่าให้บริการจอด เทียบ บรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าแก่เรือเดินทะเลขนาดตั้งแต่ห้าร้อยตันกรอสขึ้นไป ไม่ว่าจะมีการเรียกค่าตอบแทนการให้บริการหรือไม่ เป็นกิจการค้าขายอันเป็นสาธารณูปโภคอันกระทบกระเทือนถึงความปลอดภัยหรือผาสุกของประชาชน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ขึ้น