ข้อบังคับกรมเจ้าท่าว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและค่าธรรมเนียม
การตรวจและการออกใบสำคัญรับรองสำหรับเรือที่บรรทุกของแข็งในระวาง พ.ศ. ๒๕๖๕
โดยที่องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization : IMO) ได้กำหนดในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล ค.ศ. ๑๙๗๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (International Convention for the Safety of Life at Sea, 1974 (SOLAS), as amended) บทที่ VI : Carriage of cargoes and oil fuels ที่กำหนดให้ใช้ประมวลข้อบังคับว่าด้วยการขนส่งสินค้าเทกองที่เป็นของแข็งในระวางทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Solid Bulk Cargoes Code : IMSBC Code) ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ และการบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด จึงมีความจำเป็นต้องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและค่าธรรมเนียมการตรวจและการออกใบสำคัญรับรองสำหรับเรือที่บรรทุกของแข็งในระวางเพื่อปฏิบัติตามอนุสัญญาและประมวลข้อบังคับดังกล่าว
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๖๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๐ เจ้าท่าโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมออกข้อบังคับกรมเจ้าท่าไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับกรมเจ้าท่า ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและค่าธรรมเนียมการตรวจและการออกใบสำคัญรับรองสำหรับเรือที่บรรทุกของแข็งในระวาง พ.ศ. ๒๕๖๕”
ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดากฎข้อบังคับ ข้อบังคับ และระเบียบในส่วนที่บัญญัติไว้แล้วซึ่งขัดหรือแย้งกับข้อบังคับนี้ ให้ใช้ข้อบังคับนี้แทน
ข้อ ๔ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับกับเรือทุกลำที่อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล ค.ศ. 1974 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (International Convention for the Safety of Life at Sea, 1974, as amended : SOLAS 1974) มีผลใช้บังคับและเรือที่บรรทุกสินค้าเทกองที่เป็นของแข็งในระวางตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับที่ ๑ - ๑ ของภาค ก ของบทที่ ๖ ของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล ค.ศ. 1974 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้
(๑) เรือบรรทุกของแข็งในระวางที่มีขนาดตั้งแต่ ๕๐๐ ตันกรอสขึ้นไปซึ่งต่อขึ้นภายในหรือหลังวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๒๗ แต่ก่อนวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕
(๒) เรือบรรทุกของแข็งในระวางทุกขนาดตันกรอสซึ่งต่อขึ้นก่อนหรือหลังวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕
(๓) เรือบรรทุกของแข็งในระวางทุกลำโดยไม่คำนึงถึงวันต่อเรือ ซึ่งดำเนินการซ่อมทำ เปลี่ยนแปลง ดัดแปลงหรือติดตั้งเพิ่ม อย่างน้อยต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดก่อนหน้านี้ที่ใช้บังคับกับเรือนั้น หากเรือนั้นต่อขึ้นก่อนตาม (๑) และ (๒) จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดสำหรับการต่อเรือที่ใช้กับเรือก่อนการดำเนินการซ่อมทำ เปลี่ยนแปลง ดัดแปลง หรือติดตั้งเพิ่ม อย่างไรก็ตามการซ่อมทำ การเปลี่ยนแปลง การดัดแปลง และการติดตั้งที่มีคุณลักษณะสำคัญเกี่ยวกับข้อบังคับนี้ จะต้องเป็นไปตามข้อบังคับนี้ให้มากที่สุดเท่าที่สามารถปฏิบัติได้
(๔) เรือใดๆ ที่ทำการดัดแปลงหรือเปลี่ยนแปลงสภาพมาเป็นเรือบรรทุกของแข็งในระวาง ให้ถือวันที่ดัดแปลงหรือเปลี่ยนแปลงสภาพนั้นเป็นวันต่อเรือและเรือดังกล่าวจะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับนี้
ข้อ ๕ ในข้อบังคับนี้
“ประมวลข้อบังคับ” หมายถึง ประมวลข้อบังคับว่าด้วยการขนส่งสินค้าเทกองที่เป็นของแข็งในระวางทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Solid Bulk Cargoes Code : IMSBC Code) รับรองโดยมติคณะกรรมการความปลอดภัยทางทะเล ที่ ๒๖๘(๘๕) และที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมโดยองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ โดยมีเงื่อนไขว่าการแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวถูกรับรองและมีผลใช้บังคับตามบทบัญญัติของข้อ ๘ ว่าด้วยเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล ค.ศ. ๑๙๗๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องในเรื่องที่เกี่ยวกับขั้นตอนแก้ไขเพิ่มเติมที่ใช้บังคับกับภาคผนวกนอกเหนือจากบทที่ ๑
“สินค้าเทกองที่เป็นของแข็งในระวาง” หมายถึง สินค้าใดๆ นอกเหนือจากของเหลวหรือก๊าซ ซึ่งประกอบด้วยการรวมตัวกันของอนุภาค เมล็ดเล็กๆ หรือชิ้นส่วนของสิ่งของขนาดใหญ่ใดๆ ซึ่งโดยทั่วไปมีองค์ประกอบที่เหมือนกันซึ่งจะถูกขนถ่ายขึ้นเรือโดยตรงไปยังพื้นที่เก็บสินค้าของเรือ โดยปราศจากการบรรจุในรูปแบบใดๆ
“เรือบรรทุกของแข็งในระวาง” หมายถึง เรือที่ต่อขึ้น
ดัดแปลงหรือเปลี่ยนแปลงเพื่อใช้บรรทุกของแข็ง
ในระวางหรือบรรทุกสินค้าอื่น ๆ ตามประมวลข้อบังคับ
“ต่อเรือ” หมายถึง การต่อเรือที่ได้วางกระดูกงูแล้ว หรืออยู่ในขั้นตอนการต่อเรือที่คล้ายคลึงกัน
“การต่อเรือที่คล้ายคลึงกัน” หมายถึง
(๑) การต่อเรือที่มีการระบุประเภทเรือตั้งแต่เริ่มต้น และ
(๒) การต่อเรือลำนั้นได้ดำเนินการไปแล้วอย่างน้อย ๕๐ ตันหรือร้อยละ ๑ ของมวลประมาณของวัสดุโครงสร้างทั้งหมด แล้วแต่จำนวนใดจะน้อยกว่า
ข้อ ๖ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจเรือตามข้อบังคับนี้ ให้เป็นไปตามประมวลข้อบังคับว่าด้วยการขนส่งสินค้าเทกองที่เป็นของแข็งในระวางทางทะเลระหว่างประเทศตามภาคผนวก ๑ ที่แนบท้ายข้อบังคับนี้ หรือตามที่อธิบดีกรมเจ้าท่าประกาศกำหนด
ข้อ ๗ เรือบรรทุกของแข็งในระวางจะต้องมีใบสำคัญรับรองระหว่างประเทศสำหรับเรือบรรทุกของแข็งในระวาง (International Certificate for the carriage of Solid Cargoes in Bulk) ตามแบบที่กำหนดในภาคผนวก ๒ ที่แนบท้ายข้อบังคับนี้ หรือตามที่อธิบดีกรมเจ้าท่าประกาศกำหนด
ข้อ ๘ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ที่มีความประสงค์จะให้เจ้าพนักงานตรวจเรือดำเนินการตรวจเรือและออกใบสำคัญรับรองระหว่างประเทศสำหรับเรือบรรทุกของแข็งในระวางต้องยื่นคำร้องตามแบบ ก.๕ ล่วงหน้าก่อนวันนัดหมายตรวจเรือไม่น้อยกว่า ๓ วัน สำหรับการตรวจเรือภายในประเทศ และไม่น้อยกว่า ๒๑ วัน สำหรับการตรวจเรือในต่างประเทศ เมื่อพบว่าเรือเป็นไปตามข้อบังคับนี้ให้เจ้าพนักงานตรวจเรือดำเนินการออกใบสำคัญรับรองระหว่างประเทศสำหรับเรือบรรทุกของแข็งในระวางภายใน ๓ วันทำการนับตั้งแต่กลับจากการตรวจเรือ
ข้อ ๙ อายุและการมีผลของใบสำคัญรับรอง (Duration and Validity of Certificate)
(๑) ใบสำคัญรับรองระหว่างประเทศสำหรับเรือบรรทุกของแข็งในระวางต้องออกให้เป็นระยะเวลาตามที่ระบุโดยกรมเจ้าท่าซึ่งต้องไม่เกิน ๕ ปี
(๒) การตรวจเรือเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่ (Renewal survey)
(๒.๑) โดยไม่คำนึงถึง (๑) หากการตรวจเรือเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่เสร็จสิ้นภายใน ๓ เดือนก่อนวันหมดอายุของใบสำคัญรับรองเดิม ใบสำคัญรับรองใหม่ให้มีผลใช้ได้ตั้งแต่วันที่เสร็จสิ้นการตรวจเรือเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่ จนถึงกำหนดไม่เกิน ๕ ปี นับจากวันหมดอายุของใบสำคัญรับรองเดิม
(๒.๒) หากการตรวจเรือเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่เสร็จสิ้นหลังจากวันหมดอายุของใบสำคัญรับรองเดิม ให้ใบสำคัญรับรองใหม่มีผลใช้ได้ตั้งแต่วันที่เสร็จสิ้นการตรวจเรือเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่ จนถึงกำหนดไม่เกิน ๕ ปี นับจากวันหมดอายุของใบสำคัญรับรองเดิม
(๒.๓) หากการตรวจเรือเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่เสร็จสิ้นก่อนวันหมดอายุของใบสำคัญรับรองเดิมเกินกว่า ๓ เดือน ให้ใบสำคัญรับรองใหม่มีผลใช้ได้ตั้งแต่วันที่เสร็จสิ้นการตรวจเรือเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่จนถึงกำหนดไม่เกิน ๕ ปี นับจากวันที่เสร็จสิ้นการตรวจเรือเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่
(๓) หากการตรวจเรือเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่เสร็จสิ้นลงแต่ไม่สามารถออกใบสำคัญรับรองใหม่ได้ หรือไม่สามารถนำใบสำคัญรับรองไปไว้บนเรือได้ก่อนวันหมดอายุ บุคคลหรือสถาบันการตรวจเรือสามารถสลักหลังใบสำคัญรับรองเดิม เพื่อให้ใบสำคัญรับรองนั้นมีผลต่อไปอีกได้ แต่ไม่เกิน ๕ เดือนนับจากวันหมดอายุ
(๔) การตรวจประจำปี (Annual Survey) ของใบสำคัญรับรองให้กระทำร่วมกับการตรวจสอบสำหรับใบสำคัญรับรองอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยของเรือสินค้า (Cargo Ship Safety Equipment Certificate)
(๕) ใบสำคัญรับรองที่ออกให้ภายใต้ข้อบังคับนี้ให้สิ้นสุดลง ในกรณีดังต่อไปนี้
(๕.๑) เมื่อไม่ได้ดำเนินการตรวจเรือตามช่วงเวลาที่กำหนดใน (๔)
(๕.๒) เมื่อเรือมีการเปลี่ยนสัญชาติ
ข้อ ๑๐ อัตราค่าธรรมเนียมสำหรับการตรวจเรือเพื่อออกหรือสลักหลังใบสำคัญรับรองระหว่างประเทศสำหรับเรือบรรทุกของแข็งในระวาง ให้เป็นไปตามอัตราที่กำหนดตามภาคผนวก ๓ ที่แนบท้ายข้อบังคับนี้
ข้อ ๑๑ เรือบรรทุกของแข็งในระวางซึ่งต่อก่อนวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๒๗ ให้ใช้ข้อบังคับนี้โดยอนุโลมเท่าที่เหมาะสมและสามารถปฏิบัติได้ แต่อย่างน้อยจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามประมวลข้อบังคับ
ข้อ ๑๒ ใบสำคัญรับรองระหว่างประเทศสำหรับเรือบรรทุกของแข็งในระวาง (International Certificate for the carriage of Solid Cargoes in Bulk) ที่เจ้าพนักงานตรวจเรือออกให้ก่อนวันที่ข้อบังคับนี้ใช้บังคับ ให้ใช้ได้ต่อไปตามกำหนดเวลาและเงื่อนไขที่ระบุไว้ในใบสำคัญรับรองนั้น
ข้อ ๑๓ ให้อธิบดีกรมเจ้าท่าเป็นผู้รักษาการตามข้อบังคับนี้ และมีอำนาจออกประกาศเพื่อกำหนดรายละเอียดการปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อบังคับนี้
ประกาศ ณ วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๕
(นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์)
รองปลัดกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทน
อธิบดีกรมเจ้าท่า